เปิดพอร์ตลงทุนครั้งแรก: ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

 

 


เปิดพอร์ตลงทุนครั้งแรก: ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงสินทรัพย์ลงทุนประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม หุ้น หรือพันธบัตรแล้ว สิ่งสำคัญถัดมาสำหรับนักลงทุนมือใหม่คือ "การเปิดพอร์ตลงทุน" ครับ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน มีเอกสารมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ขั้นตอนการเปิดพอร์ตลงทุนในปัจจุบันง่ายกว่าที่คุณคิดมากครับ

วันนี้เราจะมาดูกันครับว่า "การเปิดพอร์ตลงทุนครั้งแรก ต้องเตรียมอะไรบ้าง?" และมีขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้ คุณผู้ชมทุกคนสามารถเตรียมตัวให้พร้อม และเริ่มต้นก้าวแรกในโลกของการลงทุนได้อย่างราบรื่นครับ

พอร์ตลงทุนคืออะไร? เปิดที่ไหนดี?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า "พอร์ตลงทุน (Investment Portfolio)" กันก่อนครับ พอร์ตลงทุนก็คือ "บัญชีที่คุณใช้สำหรับซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนต่างๆ" นั่นเองครับ เช่น บัญชีสำหรับซื้อขายหุ้น, บัญชีสำหรับซื้อขายกองทุนรวม, หรือบัญชีสำหรับซื้อขายพันธบัตร

การเปิดพอร์ตลงทุนจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสินทรัพย์ที่คุณต้องการลงทุนครับ

1.         ถ้าจะลงทุนในหุ้น และ/หรือ ตราสารหนี้ (เช่น หุ้นกู้บริษัท):

o   คุณต้องเปิดบัญชีกับ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือที่เรียกว่า "โบรกเกอร์ (Broker)" ครับ

o   โบรกเกอร์จะเป็นตัวกลางในการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นหรือตราสารหนี้ของคุณในตลาดหลักทรัพย์

o   ตัวอย่างโบรกเกอร์ในไทย เช่น หลักทรัพย์กสิกรไทย, หลักทรัพย์บัวหลวง, หลักทรัพย์บัวหลวง, หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์, หลักทรัพย์เคทีบีเอสที เป็นต้น

2.         ถ้าจะลงทุนในกองทุนรวม:

o   คุณต้องเปิดบัญชีกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดยตรง (เช่น บลจ. กสิกรไทย, บลจ. บัวหลวง, บลจ. ไทยพาณิชย์)

o   หรือบางธนาคารที่คุณมีบัญชีเงินฝากอยู่แล้ว ก็สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมและซื้อขายกองทุนของ บลจ. ที่เป็นพันธมิตรผ่านธนาคารนั้นๆ ได้เลย ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับมือใหม่ การเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์หรือ บลจ. ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารที่คุณมีบัญชีอยู่แล้ว มักจะง่ายและสะดวกกว่าครับ เพราะข้อมูลบางส่วนอาจเชื่อมโยงกันได้

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับเปิดพอร์ตลงทุน

เอกสารที่ใช้ในการเปิดพอร์ตลงทุนไม่ว่าจะเป็นบัญชีหุ้นหรือบัญชีกองทุนรวม โดยทั่วไปจะคล้ายกันครับ และปัจจุบันสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้เกือบทั้งหมด ซึ่งลดความยุ่งยากไปได้มาก

เอกสารและข้อมูลพื้นฐานที่ต้องเตรียม:

1.         บัตรประชาชนตัวจริง: ใช้สำหรับยืนยันตัวตน

2.         สำเนาทะเบียนบ้าน: อาจใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์/บลจ. แต่ควรเตรียมไว้เผื่อ

3.         สมุดบัญชีเงินฝาก (หน้าแรก): ที่มีชื่อบัญชีและเลขที่บัญชีของคุณ สำหรับผูกบัญชีเพื่อการฝาก-ถอนเงินลงทุน โดยชื่อบัญชีต้องตรงกับชื่อผู้เปิดพอร์ต

o   บางโบรกเกอร์/บลจ. จะให้คุณเลือกผูกบัญชีธนาคารที่คุณต้องการให้เป็นบัญชีสำหรับหักเงินค่าซื้อหลักทรัพย์และรับเงินจากการขายหลักทรัพย์

4.         เอกสารแสดงรายได้ (สำหรับบางกรณี): เช่น สลิปเงินเดือน, หนังสือรับรองเงินเดือน, Statement ย้อนหลัง 3-6 เดือน, หรือใบแสดงภาษี (ภ.ง.ด.90/91)

o   ทำไมต้องใช้?: เพื่อประเมินความสามารถในการลงทุนและรับความเสี่ยงของคุณตามกฎเกณฑ์ของ ก.ล.ต. หากคุณมีเงินเดือนประจำหรือรายได้สม่ำเสมอ การเตรียมเอกสารเหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการราบรื่นขึ้น

5.         เอกสารอื่นๆ ที่อาจต้องใช้ (สำหรับบางประเภทบัญชีหรือโบรกเกอร์):

o   หนังสือยินยอมเปิดเผยข้อมูลเครดิตบูโร (เพื่อตรวจสอบประวัติทางการเงินของคุณ)

o   ข้อมูลสำหรับการติดต่อ (เบอร์โทรศัพท์, อีเมล)

ขั้นตอนการเปิดพอร์ตลงทุน (ง่ายกว่าที่คิด!)

ในยุคปัจจุบัน การเปิดพอร์ตลงทุนส่วนใหญ่สามารถทำได้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาเลยครับ

ขั้นตอนทั่วไปในการเปิดพอร์ตลงทุนออนไลน์:

1.         เลือกโบรกเกอร์/บลจ. ที่ต้องการ: ศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบค่าธรรมเนียม บริการ และประเภทสินทรัพย์ที่โบรกเกอร์/บลจ. นั้นๆ มีให้เลือก (เช่น มีแอปพลิเคชันใช้งานง่ายไหม? มีบทวิเคราะห์ให้ไหม?)

2.         กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน: เข้าไปที่เว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปของโบรกเกอร์/บลจ. ที่เลือก และกดปุ่ม "เปิดบัญชี" หรือ "เปิดพอร์ตลงทุน" จากนั้นกรอกข้อมูลส่วนตัวตามที่ระบบระบุ

3.         ยืนยันตัวตน (e-KYC): นี่คือขั้นตอนสำคัญที่เปลี่ยนการเปิดพอร์ตให้ง่ายขึ้นมากครับ

o   National Digital ID (NDID): เป็นวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด หากคุณมีบัญชีกับธนาคารที่รองรับ NDID คุณสามารถยืนยันตัวตนผ่านแอป Mobile Banking ของธนาคารนั้นๆ ได้เลย โดยไม่ต้องไปที่สาขา

o   ยืนยันตัวตนผ่าน 7-Eleven / ตู้บุญเติม / เคาน์เตอร์เซอร์วิส: บางโบรกเกอร์/บลจ. อาจมีทางเลือกให้ยืนยันตัวตนผ่านจุดบริการเหล่านี้ โดยนำบัตรประชาชนไปแสดง

o   วิดีโอคอล (Video Call): บางแห่งอาจใช้วิธีวิดีโอคอลกับเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันตัวตน

o   ธนาคารสาขา: หากเป็นโบรกเกอร์/บลจ. ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคาร คุณอาจสามารถไปยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารได้

4.         ทำแบบประเมินความเสี่ยง (Suitability Test): คุณจะต้องทำแบบทดสอบเพื่อประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ เพื่อให้โบรกเกอร์/บลจ. แนะนำสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับคุณได้

5.         อัปโหลดเอกสาร: สแกนหรือถ่ายรูปเอกสารที่จำเป็น (เช่น บัตรประชาชน, หน้าสมุดบัญชี) แล้วอัปโหลดผ่านระบบ

6.         ลงนามในสัญญา (e-Signature): บางแห่งสามารถลงนามอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบได้เลย หรือบางแห่งอาจส่งเอกสารมาให้คุณลงนามแล้วส่งกลับทางไปรษณีย์

7.         รอผลอนุมัติ: หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วนแล้ว โบรกเกอร์/บลจ. จะใช้เวลา 1-3 วันทำการในการตรวจสอบและอนุมัติบัญชี เมื่ออนุมัติแล้ว คุณจะได้รับอีเมลแจ้ง Username และ Password สำหรับเข้าสู่ระบบ

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับมือใหม่

·        เริ่มต้นจากโบรกเกอร์/บลจ. ที่มีชื่อเสียงและบริการดี: เลือกที่มีระบบใช้งานง่าย มีบทวิเคราะห์น่าสนใจ และมีทีมงานที่พร้อมช่วยเหลือ

·        อย่าเพิ่งรีบร้อนทุ่มเงินก้อนใหญ่: เมื่อเปิดพอร์ตได้แล้ว ให้เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อเรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับระบบและตลาด

·        ศึกษาข้อมูลของแพลตฟอร์มการซื้อขาย: ทำความเข้าใจวิธีการใช้งานแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของโบรกเกอร์/บลจ. เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการส่งคำสั่งซื้อขาย

·        สร้างวินัยการลงทุน: วางแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายและงบประมาณของคุณ และยึดมั่นในแผนนั้นอย่างสม่ำเสมอ

บทสรุป: ก้าวแรกสู่การเป็นนักลงทุนที่ทำได้จริง

   ครับ การเปิดพอร์ตลงทุนครั้งแรกอาจดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในยุคดิจิทัลนี้ ขั้นตอนต่างๆ ได้ถูกทำให้ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้นมากครับ การเตรียมเอกสารที่ถูกต้อง และทำความเข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตน จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่น

จำไว้ว่านี่คือก้าวแรกที่สำคัญสู่การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จครับ เมื่อพอร์ตของคุณพร้อมแล้ว คุณก็สามารถเริ่มวางแผนการลงทุนตามเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวคุณเองในระยะยาว

ไม่ต้องกังวลหรือกลัวที่จะเริ่มต้นครับ เพราะทุกการเดินทางที่ยิ่งใหญ่ เริ่มต้นจากก้าวแรกเสมอ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม