หุ้นคืออะไร? ทำไมคนถึงรวยจากหุ้น?
เมื่อพูดถึงการลงทุน หลายคนมักจะนึกถึง "หุ้น" เป็นอันดับแรกๆ และมักได้ยินเรื่องราวของคนที่ "รวยจากหุ้น" หรือในทางกลับกัน
"หมดตัวจากหุ้น"
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้มือใหม่อย่างคุณเกิดความสงสัยและตั้งคำถามว่า "หุ้นคืออะไรกันแน่?" และ "ทำไมคนถึงรวยจากหุ้นได้จริงๆ?"
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจพื้นฐานของหุ้นกันครับ
รวมถึงไขความลับว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมหาศาล
และคุณเองก็มีโอกาสนั้นได้เช่นกัน หากเข้าใจและลงทุนอย่างถูกวิธีครับ
หุ้นคืออะไร? คุณเป็นเจ้าของบริษัทได้จริงหรือ?
ลองจินตนาการว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ
แทนที่จะกู้ธนาคาร
บริษัทก็เลือกที่จะระดมทุนโดยการแบ่งความเป็นเจ้าของออกเป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วนำไปเสนอขายให้แก่สาธารณชนในตลาดหลักทรัพย์ ชิ้นส่วนเล็กๆ
ของความเป็นเจ้าของนี่แหละครับที่เราเรียกว่า "หุ้น"
เมื่อคุณซื้อหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง
นั่นหมายความว่าคุณได้กลายเป็น "เจ้าของ" บริษัทนั้นตามสัดส่วนของหุ้นที่คุณถืออยู่ทันที!
คุณมีสิทธิ์ในสินทรัพย์ของบริษัท มีสิทธิ์ในกำไร และมีสิทธิ์ออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น
(แม้จะเป็นเสียงเล็กๆ ก็ตาม)
บริษัทที่ออกหุ้นมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เราเรียกว่า "บริษัทจดทะเบียน" และตลาดหลักทรัพย์ก็ทำหน้าที่เป็นตลาดกลางให้คนมาซื้อขายหุ้นกันนั่นเองครับ
ทำไมคนถึงรวยจากหุ้น? (แหล่งที่มาของผลตอบแทน)
การลงทุนในหุ้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จาก 2 ช่องทางหลักๆ ครับ
1.
กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital
Gain):
o
นี่คือวิธีที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึงเมื่อพูดถึงการรวยจากหุ้นครับ
หลักการง่ายๆ คือ "ซื้อถูก ขายแพง"
o
ตัวอย่าง: คุณซื้อหุ้น A มาในราคา 10 บาทต่อหุ้น
เมื่อบริษัท A เติบโต มีผลประกอบการดี หรือมีข่าวดีเข้ามา
ราคาหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 15 บาทต่อหุ้น หากคุณขายหุ้น A
ออกไปตอนนี้ คุณก็จะได้กำไร 5 บาทต่อหุ้น
(ไม่รวมค่าธรรมเนียม)
o
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นขึ้น:
§ ผลประกอบการบริษัทที่ดีขึ้น: บริษัททำกำไรได้มาก
รายได้เติบโต มีแนวโน้มธุรกิจที่ดี
§ ปัจจัยมหภาค: เศรษฐกิจโดยรวมเติบโต, อัตราดอกเบี้ยต่ำ, หรือนโยบายรัฐบาลที่เอื้อต่อธุรกิจ
§ ข่าวสาร/ความคาดหวัง: นักลงทุนคาดการณ์ว่าบริษัทจะเติบโตในอนาคต
หรือมีข่าวดีที่เข้ามาสนับสนุน
§ อุปสงค์-อุปทาน: มีคนอยากซื้อหุ้นมากกว่าคนอยากขาย
ทำให้ราคาขยับขึ้น
2.
เงินปันผล (Dividend):
o
นอกจากการขายหุ้นทำกำไรแล้ว
คุณยังสามารถรวยจากหุ้นได้ด้วยการเป็น "เจ้าของที่ได้รับส่วนแบ่งกำไร" ครับ
o
เมื่อบริษัททำกำไรได้ในแต่ละปี
(หลังจากหักค่าใช้จ่ายและเงินสำรองต่างๆ)
คณะกรรมการบริษัทอาจพิจารณาจ่ายกำไรส่วนหนึ่งคืนให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของ "เงินปันผล"
o
ตัวอย่าง: หากคุณถือหุ้น B และบริษัท B ประกาศจ่ายเงินปันผล
0.50 บาทต่อหุ้น และคุณถือหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น คุณก็จะได้รับเงินปันผล 500 บาท
โดยไม่ต้องขายหุ้นออกไป
o
ประโยชน์ของเงินปันผล:
§ เป็นกระแสเงินสดเข้ามาในกระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ (บริษัทส่วนใหญ่จ่ายปีละ 1-2
ครั้ง)
§ เป็นเครื่องยืนยันว่าบริษัทมีกำไรจริง
§ สามารถนำเงินปันผลที่ได้ไปลงทุนต่อ (Reinvest) เพื่อให้เงินงอกเงยแบบทบต้น
(Compound Interest) ได้อีกด้วย
การรวมกันของกำไรจากส่วนต่างราคาและเงินปันผลนี่เองครับ
ที่เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้คนสามารถสร้างความมั่งคั่งจากหุ้นได้ในระยะยาว
ทำไมหุ้นถึงมีศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งสูง?
·
เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจ: เมื่อเศรษฐกิจเติบโต บริษัทต่างๆ ก็มีโอกาสเติบโตตามไปด้วย
หุ้นจึงเป็นสินทรัพย์ที่สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
·
อัตราดอกเบี้ยทบต้น (Compounding
Effect): การนำกำไรหรือเงินปันผลที่ได้จากการลงทุนหุ้นไปลงทุนต่อ
จะช่วยให้เงินของคุณเติบโตแบบทบต้นอย่างรวดเร็วในระยะยาว
นี่คือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการลงทุน
·
เป็นส่วนหนึ่งของนวัตกรรม: การลงทุนในบริษัทที่สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
หรืออยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
จะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากการเติบโตนั้น
·
ความสามารถในการปรับตัวของธุรกิจ: บริษัทที่ดีจะสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้ต่อเนื่อง
ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับโอกาส (สิ่งที่ต้องรู้ก่อนรวย)
แม้หุ้นจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง
แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกันครับ
·
ความผันผวนของราคา (Volatility):
ราคาหุ้นมีการขึ้นลงตลอดเวลา บางครั้งก็ผันผวนรุนแรงจากปัจจัยต่างๆ
ทั้งข่าวสาร, อารมณ์ตลาด, หรือสถานการณ์เศรษฐกิจ
·
ความเสี่ยงของบริษัท (Company-Specific
Risk): หากบริษัทที่คุณลงทุนมีผลประกอบการแย่ลง, มีปัญหาภายใน, หรือเกิดวิกฤตกับธุรกิจของบริษัท
ราคาหุ้นก็อาจตกต่ำลงอย่างมาก
·
ความเสี่ยงของตลาด (Market
Risk): เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในวงกว้าง เช่น โรคระบาด สงคราม
ตลาดหุ้นโดยรวมก็อาจปรับตัวลดลงทั้งหมด
·
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: แม้หุ้นส่วนใหญ่จะสภาพคล่องสูง แต่หุ้นบางตัวที่มีการซื้อขายน้อย
อาจจะหาคนซื้อขายด้วยยากในราคาที่คุณต้องการ
สำหรับนักลงทุนมือใหม่: เริ่มต้นอย่างไรให้รวยจากหุ้น?
การรวยจากหุ้นไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของความรู้ วินัย
และความอดทนครับ สำหรับมือใหม่ ผมมีคำแนะนำดังนี้:
1.
ศึกษาหาความรู้ให้มากที่สุด:
o
เริ่มต้นจากหนังสือพื้นฐานเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น
o
ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและธุรกิจ
o
เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์หุ้น ทั้ง ปัจจัยพื้นฐาน
(Fundamental Analysis) เช่น ดูงบการเงิน
ผลประกอบการ อุตสาหกรรม และ ปัจจัยทางเทคนิค (Technical
Analysis) เช่น ดูกราฟราคาและปริมาณการซื้อขาย
2.
เริ่มลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย: อย่าเพิ่งทุ่มเงินก้อนใหญ่ในครั้งแรก
ใช้เงินจำนวนที่คุณยอมรับการขาดทุนได้ เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
3.
กระจายความเสี่ยง: อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว อย่าลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว
หรือหุ้นในอุตสาหกรรมเดียว ควรลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว หรือหลายอุตสาหกรรม
เพื่อลดความเสี่ยง
4.
ลงทุนระยะยาว: การลงทุนในหุ้นมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในระยะยาว
หลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้นหากคุณยังไม่มีประสบการณ์
5.
ลงทุนสม่ำเสมอ (DCA -
Dollar-Cost Averaging): การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน
จะช่วยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาด และสร้างวินัยในการลงทุน
(จะอธิบายในหัวข้อถัดไป)
6.
ควบคุมอารมณ์: อย่าซื้อเพราะความโลภ อย่าขายเพราะความกลัว
ยึดมั่นในหลักการและแผนการลงทุนของคุณ
บทสรุป: หุ้นคือเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งที่ทรงพลัง
ครับ
หุ้นเป็นสินทรัพย์ที่ทรงพลังในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวอย่างแท้จริง
และเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่คนรวยทั่วโลกใช้ในการเพิ่มพูนทรัพย์สินของตนเอง
การที่คนจะรวยจากหุ้นได้นั้น ไม่ใช่แค่การ "ซื้อหุ้น"
แต่เป็นการ "ซื้อธุรกิจที่ดี" และ "ลงทุนอย่างมีหลักการ" ด้วยความเข้าใจในธรรมชาติของมัน และพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวน
หากคุณมีความรู้ที่ดี มีวินัยในการลงทุน และอดทนรอคอยในระยะยาว
โอกาสที่คุณจะรวยจากหุ้นก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริงเลยครับ เริ่มต้นศึกษาและก้าวแรกอย่างมั่นใจ
แล้วคุณจะพบว่าโลกของการลงทุนหุ้นนั้นน่าสนใจและสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้จริงๆ
ครับ