ประกันอุบัติเหตุ: คุ้มครองอะไรบ้าง? ควรมีติดตัวไหม?

 

 

ประกันอุบัติเหตุ

ประกันอุบัติเหตุ: คุ้มครองอะไรบ้าง? ควรมีติดตัวไหม?

ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่ "อุบัติเหตุ" เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือรุนแรง และอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย การทำงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าครองชีพครับ นี่จึงเป็นที่มาของคำถามว่า "ประกันอุบัติเหตุ: คุ้มครองอะไรบ้าง? ควรมีติดตัวไหม?"

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ "ประกันอุบัติเหตุ" ให้ลึกซึ้งขึ้น เพื่อให้   คุณผู้ชมทุกคนเห็นถึงความสำคัญ และพิจารณาได้ว่าประกันชนิดนี้ควรมีติดตัวไว้เพื่อความอุ่นใจในชีวิตประจำวันหรือไม่ครับ

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance - PA) คืออะไร?

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล คือ การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อร่างกายที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันจากสาเหตุภายนอกร่างกาย และทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายโดยไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้เอาประกันภัยครับ (เช่น ลื่นล้ม, รถชน, หกล้ม, ถูกทำร้ายร่างกาย, ไฟไหม้ ฯลฯ)

ลักษณะสำคัญ:

·        คุ้มครองการเสียชีวิต, การสูญเสียอวัยวะ, ทุพพลภาพถาวร, หรือการบาดเจ็บที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น

·        ไม่คุ้มครองการเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ (หากต้องการคุ้มครองการเจ็บป่วย ต้องทำประกันสุขภาพ)

·        เบี้ยประกันมักจะถูก เมื่อเทียบกับวงเงินความคุ้มครองที่ได้รับ

ประกันอุบัติเหตุคุ้มครองอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลมักจะให้ความคุ้มครองหลักๆ ดังนี้ครับ:

1.         การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (อบ.1):

o   เป็นความคุ้มครองหลักที่ทุกกรมธรรม์ต้องมี หากผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ (เช่น มือ, เท้า, สายตา) หรือกลายเป็นผู้ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายเงินก้อนตามทุนประกันที่ระบุไว้ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์หรือผู้เอาประกัน

o   วงเงินสูง: ความคุ้มครองในส่วนนี้มักจะมีวงเงินที่สูงที่สุด

2.         การทุพพลภาพชั่วคราว:

o   ทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิง: ไม่สามารถทำงานได้เลยชั่วคราว บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยรายวัน

o   ทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วน: สามารถทำงานบางส่วนได้ บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยรายวันในอัตราที่ลดลง

o   เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้แรงงาน หรือฟรีแลนซ์ที่หากหยุดทำงานจะไม่มีรายได้ (เช่น คุณ )

3.         ค่ารักษาพยาบาล (Medical Expenses):

o   คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น ค่าแพทย์, ค่ายา, ค่าห้อง, ค่าผ่าตัด (แต่มีวงเงินจำกัดต่อครั้ง/ต่อปี)

o   จุดเด่น: ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลเล็กๆ น้อยๆ จากอุบัติเหตุที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือเป็นส่วนเสริมจากประกันสุขภาพที่คุณมีอยู่

4.         เงินชดเชยรายได้ระหว่างพักรักษาตัวในโรงพยาบาล (จากอุบัติเหตุ):

o   บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้เป็นรายวัน หากคุณต้องนอนโรงพยาบาลเนื่องจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

o   เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือฟรีแลนซ์ที่หากเจ็บป่วยต้องหยุดงาน จะขาดรายได้

5.         การถูกฆาตกรรมหรือถูกทำร้ายร่างกาย:

o   บางกรมธรรม์อาจให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือบาดเจ็บจากการถูกฆาตกรรมหรือถูกทำร้ายร่างกายด้วย

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล "ควรมีติดตัวไหม?"

สำหรับ   ทุกๆ คน คำตอบคือ "ควรมีติดตัวไว้เป็นอย่างยิ่ง" ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณ:

1.         ไม่มีประกันสุขภาพ: หรือมีประกันสุขภาพแต่คุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) ประกันอุบัติเหตุจะเข้ามาช่วยในเรื่องค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยกว่าการนอนโรงพยาบาลจากโรคภัยไข้เจ็บ

2.         มีอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อย หรือมีความเสี่ยงสูง: เช่น ขับรถส่งของ, ทำงานกลางแจ้ง, หรือมีกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

3.         เป็นฟรีแลนซ์/เจ้าของกิจการ: หากคุณเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำงานไม่ได้ คุณจะขาดรายได้ทันที ประกันอุบัติเหตุที่มีความคุ้มครองชดเชยรายได้ หรือคุ้มครองทุพพลภาพถาวร จะเป็นสิ่งสำคัญมาก

4.         ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในราคาเบี้ยที่เข้าถึงได้: ประกันอุบัติเหตุมีเบี้ยประกันที่ไม่สูงมากนัก แต่ให้วงเงินคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง

ข้อดีที่ทำให้ควรมีติดตัว:

·        เบี้ยประกันไม่แพง: เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ

·        คุ้มครองทันที (หรือมีระยะเวลารอคอยสั้น): ส่วนใหญ่จะคุ้มครองทันทีที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้

·        ซื้อได้ง่าย: มีแผนให้เลือกหลากหลาย ทั้งรายปี หรือเป็นแบบพ่วงกับประกันชีวิต/สุขภาพ

·        ใช้ลดหย่อนภาษีได้: เบี้ยประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ (เป็นส่วนหนึ่งของเบี้ยประกันชีวิตรวมไม่เกิน 100,000 บาท หรือถ้าเป็นประกันอุบัติเหตุล้วนๆ ก็ไม่สามารถลดหย่อนได้)

เลือกประกันอุบัติเหตุอย่างไรให้คุ้มค่า?

1.         พิจารณา "วงเงินคุ้มครอง" ชีวิตและค่ารักษาพยาบาล:

o   เสียชีวิต/ทุพพลภาพ: ควรเลือกวงเงินที่เหมาะสมกับภาระทางการเงินของคุณ หรืออย่างน้อยเท่ากับรายได้ 1-3 ปีของคุณ

o   ค่ารักษาพยาบาล: เลือกวงเงินที่เพียงพอต่อการรักษาเบื้องต้นในโรงพยาบาลที่คุณใช้บริการเป็นประจำ (อาจเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท)

2.         พิจารณา "ความคุ้มครองเพิ่มเติม":

o   ชดเชยรายได้รายวัน: สำคัญสำหรับฟรีแลนซ์อย่างคุณ

o   การคุ้มครองการขับขี่/โดยสารรถจักรยานยนต์: หากคุณใช้มอเตอร์ไซค์เป็นประจำ ต้องตรวจสอบว่าคุ้มครองหรือไม่

o   ความคุ้มครองจากการถูกฆาตกรรม/ทำร้ายร่างกาย: หากกังวลเรื่องนี้

3.         เปรียบเทียบ "เบี้ยประกัน" และ "เงื่อนไข" จากหลายบริษัท:

o   ดูว่าเบี้ยประกันเหมาะสมกับวงเงินคุ้มครองหรือไม่

o   มีข้อยกเว้นอะไรบ้างที่ต้องระวัง (เช่น การแข่งรถ, กีฬาผาดโผน)

4.         พิจารณา "ซื้อพ่วง" กับประกันสุขภาพ/ชีวิต (ถ้ามี):

o   บางครั้งการซื้อประกันอุบัติเหตุแบบแนบท้าย (Rider) กับประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต อาจได้เบี้ยที่คุ้มค่ากว่า หรือได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น

บทสรุป: ประกันอุบัติเหตุคือ "ความอุ่นใจ" ในราคาที่เข้าถึงได้

      การมี "ประกันอุบัติเหตุ" ติดตัวไว้ ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนใน "ความอุ่นใจ" ที่สามารถช่วยคุณและคนที่คุณรักได้อย่างมหาศาล เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นครับ

ด้วยเบี้ยประกันที่ไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองที่สำคัญต่อชีวิตและค่ารักษาพยาบาล ทำให้คุณสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ และไม่ต้องกังวลเรื่องภาระทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม