7 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังมีปัญหาหนี้สินเกินตัว
ในชีวิตประจำวันของเรา หนี้สินบางประเภท เช่น หนี้บ้าน หรือหนี้รถยนต์
อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและถือเป็นหนี้ที่ดีได้ แต่ในบางครั้ง โดยที่เราไม่รู้ตัว
หนี้สินเหล่านั้นอาจค่อยๆ พอกพูนจนกลายเป็นภาระที่ "เกินตัว" และส่งสัญญาณอันตรายถึงปัญหาสุขภาพทางการเงินในอนาคตครับ
การที่เราสามารถ "รู้เท่าทันสัญญาณเตือน" เหล่านี้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ คุณผู้ชมทุกคนสามารถจัดการปัญหาได้ทันท่วงที
ก่อนที่หนี้จะลุกลามจนยากจะแก้ไขครับ วันนี้เราจะมาดูกันว่า "7 สัญญาณเตือน" ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังมีปัญหาหนี้สินเกินตัวนั้นมีอะไรบ้างครับ
สัญญาณเตือนที่ 1: ชำระหนี้ขั้นต่ำ
หรือไม่สามารถชำระได้เต็มจำนวน
นี่คือสัญญาณอันตรายอันดับแรกและชัดเจนที่สุดครับ
·
ชำระขั้นต่ำตลอด: โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด หากคุณชำระแค่ยอดขั้นต่ำในทุกๆ
เดือน เงินที่คุณจ่ายไปส่วนใหญ่จะถูกหักเป็นดอกเบี้ย ทำให้เงินต้นไม่ลดลง
หรือลดลงช้ามาก วงจรหนี้ก็จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
·
ไม่สามารถชำระได้เต็มจำนวน: หากคุณเคยชำระเต็มจำนวน แต่ตอนนี้เริ่มทำไม่ได้แล้ว
หรือต้องรูดบัตรอื่นมาโปะบัตรนี้ นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าสภาพคล่องทางการเงินของคุณเริ่มมีปัญหา
สิ่งที่คุณควรทำ: ตรวจสอบยอดหนี้และดอกเบี้ยบัตรเครดิตทั้งหมด
และวางแผนเพิ่มเงินชำระให้เกินขั้นต่ำให้ได้มากที่สุด หรือพิจารณาการรวมหนี้
สัญญาณเตือนที่ 2: กดเงินสดจากบัตรเครดิต
หรือขอสินเชื่อใหม่เพื่อใช้จ่ายประจำวัน
นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าเงินของคุณไม่พอใช้ในแต่ละเดือนแล้วครับ
·
กดเงินสดจากบัตรเครดิต/บัตรกดเงินสดบ่อยๆ: เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง,
ค่าไฟ, ค่าน้ำประปา
·
ขอสินเชื่อใหม่เพื่อจ่ายหนี้เก่า: เช่น กู้สินเชื่อส่วนบุคคลใหม่มาเพื่อปิดหนี้บัตรเครดิต หรือผ่อนรถยนต์
สิ่งที่คุณควรทำ: ทำงบประมาณรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดที่สุด
เพื่อหาช่องโหว่ของการใช้เงิน และตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นทิ้งทั้งหมด
สัญญาณเตือนที่ 3: เริ่มมีการค้างชำระ
หรือชำระล่าช้า
เมื่อไม่สามารถชำระได้ตรงตามกำหนด
นั่นหมายถึงภาระหนี้เริ่มหนักเกินกว่ารายรับของคุณแล้วครับ
·
จ่ายล่าช้า: เลยวันครบกำหนดชำระไปหลายวัน
·
จ่ายไม่ครบ: จ่ายไปแค่บางส่วน หรือจ่ายไม่ถึงขั้นต่ำ
·
โดนค่าปรับ/ดอกเบี้ยเพิ่ม: จากการชำระล่าช้า ทำให้ยอดหนี้พอกพูนเร็วขึ้น
สิ่งที่คุณควรทำ: อย่าปล่อยทิ้งไว้!
รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาขอผ่อนผันหรือปรับโครงสร้างหนี้
ก่อนที่ประวัติเครดิตของคุณจะเสีย และถูกทวงถามหรือฟ้องร้อง
สัญญาณเตือนที่ 4: เครียดหรือวิตกกังวลเรื่องหนี้สินตลอดเวลา
หนี้สินไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกระเป๋าสตางค์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของคุณด้วยครับ
·
นอนไม่หลับ: กังวลเรื่องเงินและหนี้
·
อารมณ์หงุดหงิดง่าย: จากความเครียดสะสม
·
ไม่กล้ารับโทรศัพท์เบอร์แปลก: กลัวเป็นเจ้าหนี้โทรมาทวง
·
พูดคุยเรื่องเงินกับคนใกล้ชิดไม่ได้: เพราะรู้สึกอายหรือกังวล
สิ่งที่คุณควรทำ: รับทราบว่านี่คือปัญหา
และปรึกษาคนที่คุณไว้ใจ หรือผู้เชี่ยวชาญทางการเงินเพื่อหาทางออก
การเก็บปัญหาไว้คนเดียวจะยิ่งทำให้แย่ลง
สัญญาณเตือนที่ 5: ไม่มีเงินออม
หรือเงินสำรองฉุกเฉินเลย
เมื่อรายได้ส่วนใหญ่หมดไปกับการชำระหนี้
คุณก็แทบจะไม่มีเงินเหลือสำหรับการออม หรือสร้างเงินสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็น
·
เงินเดือนออกหมดไปกับหนี้: เงินที่เหลือแทบไม่พอใช้ถึงสิ้นเดือน
·
ต้องใช้บัตรเครดิตยามฉุกเฉิน: เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน (เช่น ป่วย, รถเสีย)
แทนที่จะมีเงินสำรอง คุณกลับต้องใช้บัตรเครดิต ซึ่งจะสร้างหนี้ก้อนใหม่ทันที
สิ่งที่คุณควรทำ: ตั้งเป้าหมายในการสร้างเงินสำรองฉุกเฉินให้ได้
อย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน
แม้จะเริ่มจากเงินน้อยๆ ก็ตาม
สัญญาณเตือนที่ 6: หลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์
หรือเปิดจดหมายจากเจ้าหนี้
นี่คือพฤติกรรมที่เกิดจากความกลัวและบ่งบอกว่าปัญหาหนี้สินอยู่ในระดับที่หนักแล้วครับ
·
ไม่รับสายเบอร์แปลก: เพราะรู้ว่าอาจเป็นเจ้าหนี้
·
ไม่เปิดจดหมายจากธนาคาร/สถาบันการเงิน: กลัวที่จะเห็นยอดหนี้ หรือจดหมายทวงหนี้
·
รู้สึกสิ้นหวัง: ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่าย
สิ่งที่คุณควรทำ: เผชิญหน้ากับความจริง
การหลบหนีไม่ช่วยให้ปัญหาหายไปครับ
การติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาคือทางออกที่ดีที่สุด
สัญญาณเตือนที่ 7: มีหนี้หลายประเภท
และดอกเบี้ยพอกพูนไม่ลดลง
หากคุณมีหนี้ทั้งบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล
แถมยอดหนี้ก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นทุกเดือน
นั่นหมายถึงคุณกำลังอยู่ในวงจรหนี้ที่ลึกมากครับ
·
ยอดหนี้รวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ: แม้จะพยายามจ่ายไปบ้างแล้ว
·
ต้องเอาหนี้ใหม่ไปโปะหนี้เก่า: เป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำให้หนี้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่คุณควรทำ: นี่คือเวลาที่คุณควรพิจารณาการรวมหนี้
หรือเข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน หรือคลินิกแก้หนี้ครับ
บทสรุป: สัญญาณเตือนคือโอกาสในการแก้ไข
สัญญาณเตือนเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อทำให้คุณสิ้นหวัง แต่มันคือ "โอกาส" ที่คุณจะรู้ตัวและเริ่มลงมือแก้ไขปัญหาหนี้สินก่อนที่มันจะสายเกินไป
หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ในชีวิตของคุณแม้เพียงหนึ่งหรือสองข้อ
อย่าเพิกเฉยครับ การยอมรับปัญหาและลงมือแก้ไขอย่างจริงจังด้วยการวางแผนทางการเงิน
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และการมีวินัย จะช่วยให้ คุณผู้ชมทุกคนสามารถหลุดพ้นจากวงจรหนี้
และกลับมามีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงได้อีกครั้งครับ
ขอให้ลงมือทำวันนี้เลยนะครับ!