วงจรหนี้: ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงติดกับดักหนี้?
เคยสังเกตไหมครับว่า ทำไมบางคนถึงดูเหมือนจะ "ติดกับดักหนี้" ไม่ว่าจะพยายามปลดหนี้เท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะวนกลับมาเป็นหนี้อีกครั้ง
หรือหนี้ก้อนเดิมก็ไม่ลดลงไปไหน นั่นเป็นเพราะพวกเขาอาจกำลังอยู่ใน "วงจรหนี้" ที่เป็นกับดักอันตราย
ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วก็ยากที่จะหลุดพ้นครับ
การทำความเข้าใจว่า "วงจรหนี้" คืออะไร และ "ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงติดกับดักนี้" จะช่วยให้ คุณผู้ชมทุกคนสามารถหลีกเลี่ยงหรือหลุดพ้นจากมันได้อย่างมีสติครับ
เพราะการรู้จักศัตรูคือจุดเริ่มต้นของการเอาชนะสงครามทางการเงินครับ
วงจรหนี้ (Debt Cycle) คืออะไร?
วงจรหนี้ คือ "พฤติกรรมหรือสถานการณ์ทางการเงินที่ทำให้บุคคลมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หรือไม่สามารถหลุดพ้นจากหนี้เดิมได้ แม้จะพยายามชำระก็ตาม" มันคือการวนเวียนซ้ำๆ ของการก่อหนี้ ใช้หนี้ ผ่อนหนี้
และก่อหนี้ใหม่ซ้ำอีกครั้ง ทำให้หนี้ไม่ลดลงหรือกลับมาเพิ่มขึ้นอีก
วงจรหนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ค่อยๆ
ก่อตัวขึ้นจากพฤติกรรมทางการเงินที่ไม่เหมาะสม
และปัจจัยภายนอกบางอย่างที่เข้ามาเสริมครับ
5 สาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ติดกับดักวงจรหนี้
มีหลายปัจจัยที่ผลักดันให้คนเข้าสู่วงจรหนี้
และติดอยู่ในนั้นอย่างยาวนานครับ
1. การใช้จ่ายเกินตัว (Overspending)
นี่คือสาเหตุคลาสสิกและพบได้บ่อยที่สุดครับ
·
มีของที่อยากได้มากมาย: ด้วยการตลาดที่กระตุ้นตลอดเวลา ทำให้เราอยากได้สิ่งของใหม่ๆ ทันทีที่เห็น
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, โทรศัพท์มือถือ, แกดเจ็ต หรือแม้กระทั่งการออกไปสังสรรค์
·
ใช้บัตรเครดิต/สินเชื่อเป็นเครื่องมือ: แทนที่จะรอเก็บเงิน ก็รูดบัตรเครดิต หรือกดเงินจากบัตรกดเงินสด
เพื่อสนองความต้องการทันที ทำให้เงินที่ควรจะเป็นของอนาคต ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน
และต้องจ่ายดอกเบี้ยในภายหลัง
·
ไม่มีงบประมาณ/ไม่จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย: หลายคนไม่รู้ว่าเงินตัวเองหายไปไหน
เพราะไม่มีการวางแผนและติดตามการใช้จ่าย ทำให้ใช้เงินไปเรื่อยๆ จนเกินตัว
ผลลัพธ์: การใช้จ่ายเกินตัวนำไปสู่การเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูง เช่น บัตรเครดิต
2. ขาดความรู้ทางการเงิน (Financial Illiteracy)
หลายคนไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหนี้
แต่ขาดความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการเงิน
·
ไม่เข้าใจดอกเบี้ยทบต้น (Compound
Interest) ฝั่งหนี้: เข้าใจว่าจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ
ก็พอ แต่ไม่รู้ว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นแพงและทบต้นเร็วขนาดไหน
ทำให้ยอดหนี้ไม่ลดลง
·
ไม่รู้ความแตกต่างระหว่าง
"หนี้ดี" กับ "หนี้เสีย": มองหนี้เป็นเรื่องปกติ
หรือมองว่าการซื้อของฟุ่มเฟือยด้วยบัตรเครดิตเป็นเรื่องที่รับได้
·
ไม่มีการวางแผนการเงิน: ไม่มีการตั้งเป้าหมายทางการเงิน, ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน,
ไม่มีการลงทุน ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ต้องพึ่งพาหนี้
ผลลัพธ์: เมื่อขาดความรู้
ก็ยากที่จะตัดสินใจทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ทำให้สถานการณ์หนี้แย่ลงเรื่อยๆ
3. ขาดเงินสำรองฉุกเฉิน (Lack of Emergency Fund)
ชีวิตมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอครับ ไม่ว่าจะเป็น:
·
ตกงานกระทันหัน
·
เจ็บป่วยต้องใช้เงิน
·
รถเสีย/บ้านพัง
·
ค่าเทอมลูกที่ต้องจ่ายด่วน
เมื่อไม่มีเงินสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
คนส่วนใหญ่ก็มักจะหันไปพึ่งพาแหล่งเงินทุนที่ง่ายที่สุดแต่แพงที่สุด นั่นก็คือ "สินเชื่อส่วนบุคคล" หรือ "บัตรกดเงินสด" ทำให้เกิดหนี้ก้อนใหม่ที่ดอกเบี้ยสูงทันที
และเมื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินผ่านไป หนี้ก้อนนี้ก็ยังคงอยู่และเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
ผลลัพธ์: เหตุการณ์ไม่คาดฝันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนี้ก้อนใหม่
หรือทำให้หนี้เดิมพอกพูน
4. ปัญหาทางเศรษฐกิจและรายได้ไม่พอรายจ่าย (Economic Factors)
บางครั้งปัญหาหนี้ก็ไม่ได้มาจากพฤติกรรมส่วนตัวเพียงอย่างเดียว
แต่อาจมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก:
·
รายได้ลดลง: เช่น ถูกลดเงินเดือน, ธุรกิจไม่ดี, หรือเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้รายรับไม่พอรายจ่ายเดิม
·
ค่าครองชีพสูงขึ้น: เงินเฟ้อทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น
รายได้เท่าเดิมแต่ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
·
การว่างงาน: หากตกงานเป็นระยะเวลานาน ก็จะไม่มีรายได้มาใช้หนี้
ทำให้ต้องกู้เพิ่มหรือค้างชำระ
ผลลัพธ์: สถานะทางการเงินถูกบีบรัด
ทำให้ต้องก่อหนี้เพิ่มเพื่อประคองชีวิต
5. แรงกดดันทางสังคมและการเปรียบเทียบ (Social Pressure)
ในสังคมปัจจุบันที่สื่อโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาท
การเห็นผู้อื่นใช้ชีวิตที่ดูหรูหรา อาจสร้างแรงกดดันให้เราอยากมี อยากได้
อยากเป็นแบบเขาบ้าง
·
ภาพลักษณ์ที่ต้องรักษา: การพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสังคม
ทำให้ต้องใช้จ่ายเกินตัวเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนม, ท่องเที่ยว,
หรือใช้ชีวิตที่ดูดี
·
เปรียบเทียบกับคนรอบข้าง: กลัวน้อยหน้าเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้อง
ทำให้ต้องซื้อสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นจริงๆ
·
ใช้จ่ายตามกระแส: หลงเชื่อโฆษณา หรือกระแสสังคมที่กระตุ้นให้ซื้อสินค้าที่ไม่มีประโยชน์
ผลลัพธ์: การใช้จ่ายเพื่อภาพลักษณ์และตามกระแส
นำไปสู่หนี้ที่ไม่จำเป็นและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ
วิธีหลุดพ้นจากวงจรหนี้
เมื่อเข้าใจสาเหตุแล้ว
การหลุดพ้นจากวงจรหนี้ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุครับ
1.
หยุดสร้างหนี้ใหม่ทันที: เลิกใช้บัตรเครดิต/สินเชื่อเพื่อการบริโภค
2.
ทำงบประมาณรายรับ-รายจ่าย: รู้ว่าเงินเข้าออกเท่าไหร่ และตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
3.
สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน: อย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายจำเป็น
4.
เพิ่มพูนความรู้ทางการเงิน: ทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ย, การลงทุน, การบริหารหนี้
5.
จัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้: เน้นปิดหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน (Debt Avalanche)
6.
พิจารณาการรวมหนี้
หรือเจรจาต่อรองหนี้: หากหนี้มีหลายก้อนหรือหนักเกินไป
บทสรุป: วินัยและความเข้าใจคือทางออก
วงจรหนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ
แต่มักเกิดจากพฤติกรรมทางการเงินที่ไม่ถูกต้อง ความรู้ที่ไม่เพียงพอ
และบางครั้งก็เป็นผลจากปัจจัยภายนอก
การที่คุณเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ติดกับดักหนี้
จะช่วยให้คุณสามารถระมัดระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองได้
จำไว้ว่า การหลุดพ้นจากวงจรหนี้ต้องอาศัย "ความตั้งใจ" "วินัย" และ "ความเข้าใจ" ในหลักการเงินพื้นฐาน
หากคุณมีสิ่งเหล่านี้
คุณจะสามารถตัดวงจรหนี้และก้าวไปสู่ชีวิตการเงินที่เป็นอิสระได้อย่างแน่นอนครับ!