การรวมหนี้บ้าน: ลดภาระผ่อนต่อเดือนจริงหรือ?

 

 


การรวมหนี้บ้าน: ลดภาระผ่อนต่อเดือนจริงหรือ?

สำหรับหลายๆ คนที่มีทั้งหนี้บ้าน และหนี้สินอื่นๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้รถยนต์ อาจเคยได้ยินคำว่า "การรวมหนี้บ้าน" หรือ "Home for Cash" (บ้านแลกเงิน) มาบ้าง และสงสัยว่ามันคืออะไร และสามารถช่วย "ลดภาระผ่อนต่อเดือน" ได้จริงหรือไม่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันครับ เพื่อให้ คุณผู้ชมทุกคนเข้าใจถึงแก่นแท้ของการรวมหนี้บ้าน ทั้งข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจครับ

การรวมหนี้บ้านคืออะไร?

การรวมหนี้บ้าน หรือที่สถาบันการเงินมักจะใช้คำว่า "สินเชื่อบ้านแลกเงิน (Home for Cash)" หรือ "สินเชื่อบ้านช่วยได้" คือ "การนำอสังหาริมทรัพย์ที่คุณเป็นเจ้าของและปลอดภาระผูกพัน (หรือมีภาระอยู่แต่ต้องการรีไฟแนนซ์ไปพร้อมกัน) มาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อก้อนใหม่" โดยวัตถุประสงค์หลักคือการนำเงินก้อนใหม่ที่ได้มา ไปปิดหนี้สินอื่นๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด โดยเฉพาะหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล

หลักการง่ายๆ: คุณใช้บ้านของคุณเป็นหลักประกัน เพื่อให้ได้เงินก้อนใหญ่มาในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหนี้ที่คุณมีอยู่ เพื่อนำเงินนั้นไปปลดภาระหนี้เดิมทั้งหมด ทำให้คุณเหลือหนี้เพียงก้อนเดียวคือ "หนี้บ้าน" ที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกกว่ามาก และสามารถผ่อนชำระได้ในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น

ตัวอย่าง: คุณมีหนี้บัตรเครดิต 5 แสนบาท (ดอกเบี้ย 18% ต่อปี) และสินเชื่อส่วนบุคคลอีก 3 แสนบาท (ดอกเบี้ย 20% ต่อปี) รวมเป็นหนี้ 8 แสนบาท คุณตัดสินใจขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน 8 แสนบาท โดยใช้บ้านเป็นหลักประกัน ซึ่งได้ดอกเบี้ยเพียง 7% ต่อปี จากนั้นนำเงิน 8 แสนบาทนี้ไปปิดหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลทั้งหมด ทำให้ตอนนี้คุณเหลือหนี้เพียงก้อนเดียวคือ 8 แสนบาท (บวกกับหนี้บ้านเดิมถ้ามี) ที่ผ่อนด้วยดอกเบี้ย 7%

การรวมหนี้บ้านช่วย "ลดภาระผ่อนต่อเดือน" ได้จริงหรือ? (ข้อดี)

คำตอบคือ "จริงครับ! และยังช่วยลดดอกเบี้ยรวมได้มหาศาล" โดยมีเหตุผลหลักๆ ดังนี้:

1.         อัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างเห็นได้ชัด: นี่คือข้อดีที่สำคัญที่สุด เพราะสินเชื่อที่มีหลักประกัน (เช่น สินเชื่อบ้าน) จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันอย่างบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลมาก (จาก 18-28% เหลือเพียง 6-9% ต่อปี) เมื่อดอกเบี้ยถูกลง เงินที่คุณผ่อนไปจะถูกนำไปตัดเงินต้นได้มากขึ้น ทำให้หนี้ลดลงเร็วขึ้น

2.         ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง: เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง และ/หรือคุณสามารถขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้ยาวนานขึ้น (สินเชื่อบ้านมักจะผ่อนได้สูงสุด 20-30 ปี) ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนที่คุณต้องจ่ายลดลงอย่างมาก ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น

3.         บริหารจัดการหนี้ง่ายขึ้น: จากเดิมที่ต้องจำยอดและวันครบกำหนดชำระหลายใบ หลายเจ้าหนี้ คุณจะเหลือหนี้เพียงก้อนเดียวกับเจ้าหนี้รายเดียว ทำให้การบริหารจัดการเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่พลาดการชำระหนี้

4.         เพิ่มกำลังใจในการปลดหนี้: เมื่อยอดผ่อนต่อเดือนลดลง และเห็นว่าเงินต้นลดลงจริงจากดอกเบี้ยที่ถูกลง จะช่วยให้คุณมีกำลังใจในการปลดหนี้มากขึ้น ไม่รู้สึกท้อแท้เหมือนเมื่อก่อน

ข้อควรพิจารณาและ "ความเสี่ยง" ที่ต้องรู้ก่อนรวมหนี้บ้าน

แม้การรวมหนี้บ้านจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรพิจารณาและความเสี่ยงที่คุณต้องรู้และเตรียมพร้อมรับมือครับ

1.         ต้องมีวินัยทางการเงินขั้นสูงสุด!: นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นกับดักที่หลายคนพลาดครับ เมื่อคุณรวมหนี้แล้ว มีเงินเหลือใช้มากขึ้นจากการที่ภาระผ่อนลดลง คุณต้องมีวินัยอย่างเคร่งครัดในการ "ห้ามสร้างหนี้ใหม่" เพิ่มอีกเด็ดขาด โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล หากคุณไม่มีวินัย คุณอาจจบลงด้วยหนี้บ้านก้อนใหม่ที่ใหญ่ขึ้น และหนี้บัตรเครดิตใบใหม่ที่งอกขึ้นมา กลายเป็นหนี้หนักกว่าเดิม และที่สำคัญคือ คุณกำลังนำบ้านไปเสี่ยง

2.         บ้านคือหลักประกัน: หากคุณผิดนัดชำระหนี้ที่รวมมาแล้ว คุณมีความเสี่ยงที่จะถูกยึดบ้านเพื่อนำไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุด

3.         มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ: การรวมหนี้บ้านมีค่าใช้จ่ายแอบแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง, ค่าประเมินหลักประกัน, ค่าอากรแสตมป์ ซึ่งควรนำมาคำนวณในต้นทุนรวมด้วยว่าคุ้มค่ากับการประหยัดดอกเบี้ยหรือไม่

4.         ระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานขึ้น: แม้ยอดผ่อนต่อเดือนจะลดลง แต่หากคุณขยายระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้นมากๆ เช่น จากหนี้บัตรเครดิตที่ปกติ 1-2 ปี ไปเป็นหนี้บ้าน 20-30 ปี คุณอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งก้อนในระยะยาวมากขึ้น หากไม่มีการโปะเงินต้นเพิ่มเติม

5.         ต้องมีคุณสมบัติที่ธนาคารอนุมัติ: การขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน ธนาคารจะพิจารณารายได้, ประวัติเครดิตบูโร (ต้องดีในระดับหนึ่ง), และมูลค่าของบ้านที่จะใช้เป็นหลักประกัน

การรวมหนี้บ้านเหมาะกับใคร?

·        ผู้ที่มีหนี้หลายก้อน โดยเฉพาะหนี้ดอกเบี้ยสูง: บัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล

·        ผู้ที่มีบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ปลอดภาระ หรือผ่อนชำระใกล้หมดแล้ว: มีหลักประกันที่ดีในการขอสินเชื่อ

·        ผู้ที่ต้องการลดภาระผ่อนต่อเดือนอย่างมีนัยสำคัญ: เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในชีวิต

·        ผู้ที่มีประวัติเครดิตดีพอสมควร: เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติและได้อัตราดอกเบี้ยที่ดี

·        ผู้ที่มีวินัยทางการเงินแล้ว: สำคัญที่สุดคือต้องพร้อมที่จะไม่สร้างหนี้ใหม่และตั้งใจปลดหนี้ที่รวมแล้วให้หมด

บทสรุป: รวมหนี้บ้าน ทางรอดที่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

   ครับ การรวมหนี้บ้าน เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างยิ่งในการ "ลดภาระผ่อนต่อเดือน" และ "ลดดอกเบี้ยรวม" สำหรับผู้ที่มีหนี้สินดอกเบี้ยสูงหลายก้อน

อย่างไรก็ตาม คุณต้องใช้เครื่องมือนี้ด้วย "ความเข้าใจ" และ "ความระมัดระวังอย่างสูงสุด" โดยเฉพาะในเรื่องของวินัยทางการเงินและการตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเสียหลักประกัน

หากคุณใช้การรวมหนี้บ้านอย่างชาญฉลาดและมีวินัยที่เข้มแข็ง นี่คือโอกาสทองที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากวงจรหนี้และกลับมามีชีวิตทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืนได้เร็วกว่าที่คิดครับ

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม