REITs คืออะไร? ลงทุนอสังหาฯ
แบบไม่ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง
หลายคนใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมให้เช่า อาคารสำนักงาน หรือพื้นที่ค้าปลีก
เพราะมองเห็นถึงโอกาสในการสร้างรายได้จากค่าเช่าและกำไรจากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
แต่ปัญหาใหญ่คือ "เงินทุน" ครับ การลงทุนอสังหาริมทรัพย์โดยตรงต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาก
และยังต้องมีภาระในการบริหารจัดการอีกด้วย
แต่คุณรู้ไหมครับว่า มีช่องทางที่คุณสามารถ "ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์" ได้โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนโตเป็นล้านๆ
และไม่ต้องปวดหัวกับการดูแลผู้เช่าเองเลย นั่นคือการลงทุนใน "REITs"
(อ่านว่า รีทส์) หรือที่ย่อมาจาก Real
Estate Investment Trusts ครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ REITs
กันแบบเจาะลึก เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่อย่างคุณครับ
REITs คืออะไร? "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์"
ในรูปแบบใหม่
REITs (Real Estate Investment Trusts) คือ "กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์" ซึ่งเป็นเครื่องมือลงทุนที่ระดมเงินจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน
แล้วนำเงินเหล่านั้นไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ (Income-Generating
Properties) ไม่ว่าจะเป็น:
·
อาคารสำนักงานให้เช่า
·
ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า
·
โรงแรม/รีสอร์ต
·
คลังสินค้า/โรงงาน
·
เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
·
โรงพยาบาล (ในต่างประเทศ)
เมื่อ REITs ได้รับรายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น
กำไรส่วนใหญ่ (ตามกฎหมายต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ)
จะถูกนำมาจ่ายคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปแบบของ "เงินปันผล" ครับ
หลักการทำงานง่ายๆ: คุณซื้อหน่วยลงทุนของ
REITs ก็เหมือนคุณได้เป็นเจ้าของส่วนเล็กๆ ของอาคารสำนักงาน
หรือศูนย์การค้าใหญ่ๆ โดยไม่ต้องซื้ออาคารทั้งหลัง และไม่ต้องไปหาผู้เช่าเอง
มีผู้บริหารจัดการทรัสต์คอยดูแลให้ทุกอย่าง
REITs แตกต่างจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property
Fund) เดิมอย่างไร?
ก่อนหน้านี้ในประเทศไทย เรามี "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
(Property Fund)" ซึ่งมีลักษณะคล้าย REITs แต่ REITs มีความยืดหยุ่นและข้อดีที่เพิ่มเติมขึ้นมาหลายประการ
ดังนี้:
·
ความยืดหยุ่นในการลงทุน:
REITs สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้ว และลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold)
หรือสิทธิการเช่าช่วง (Sub-Leasehold) หรือลงทุนในหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ได้
·
กู้ยืมได้มากขึ้น:
REITs สามารถกู้ยืมเงินได้ในสัดส่วนที่สูงกว่า Property Fund
ทำให้มีศักยภาพในการขยายการลงทุนได้มากขึ้น
(แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น)
·
มีกลไกบริหารจัดการที่เป็นมืออาชีพ:
REITs ถูกบริหารโดยผู้จัดการกองทรัสต์ (Trustee) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์
ทำให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ
ทำไม REITs ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่?
(ข้อดี)
REITs มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ครับ
1.
ลงทุนอสังหาฯ ได้ด้วยเงินน้อย: คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินหลักล้านก็สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ได้
เริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักพันบาท
2.
ได้รับกระแสรายได้สม่ำเสมอ (High
Dividend Yield): REITs มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูง
(กฎหมายกำหนดให้จ่ายไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ)
ทำให้คุณมีรายได้เข้ามาในกระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ
คล้ายกับการได้รับค่าเช่าจากอสังหาริมทรัพย์โดยตรง
3.
สภาพคล่องสูงกว่าการซื้ออสังหาฯ
โดยตรง: หน่วยลงทุนของ REITs ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
คล้ายกับการซื้อขายหุ้น ทำให้คุณสามารถซื้อขายได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยตรงที่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
4.
มีมืออาชีพบริหารจัดการ: คุณไม่ต้องปวดหัวกับการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เอง เช่น การหาผู้เช่า,
การซ่อมบำรุง, การเก็บค่าเช่า
เพราะมีผู้จัดการกองทรัสต์มืออาชีพคอยดูแลให้
5.
กระจายความเสี่ยง (Diversification):
REITs มักจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท หรือหลายทำเล
ทำให้ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอสังหาริมทรัพย์เพียงแห่งเดียว
6.
โอกาสในการเติบโตของมูลค่า: นอกจากเงินปันผลแล้ว หากมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่ REITs ลงทุนเพิ่มขึ้น คุณก็มีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital
Gain) เมื่อขายหน่วยลงทุนออกไป
ข้อควรพิจารณาของ REITs (ข้อจำกัด/ความเสี่ยง)
แม้ REITs จะมีข้อดี
แต่ก็มีความเสี่ยงที่คุณควรทราบก่อนลงทุนครับ
1.
ความผันผวนของราคาหน่วยลงทุน: ราคาหน่วยลงทุนของ REITs มีการขึ้นลงตามภาวะตลาดหลักทรัพย์
อัตราดอกเบี้ย และผลประกอบการของอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน
ซึ่งอาจส่งผลให้คุณขาดทุนได้หากขายในช่วงราคาตกต่ำ
2.
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น REITs อาจได้รับผลกระทบ
เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น และอาจทำให้ราคาหน่วยลงทุนลดลง เพราะผู้ลงทุนอาจหันไปหาตราสารหนี้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าแทน
3.
ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ: หากเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี อัตราการเช่าพื้นที่อาจลดลง หรือค่าเช่าลดลง
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และเงินปันผลของ REITs
4.
ความเสี่ยงด้านทำเลและประเภทอสังหาริมทรัพย์: หาก REITs นั้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในทำเลที่ไม่ดี
หรือประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีแนวโน้มเติบโต ก็อาจส่งผลต่อผลตอบแทนได้
5.
มีค่าธรรมเนียม: มีค่าธรรมเนียมการจัดการและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ที่อาจลดทอนผลตอบแทนที่คุณได้รับ
เลือก REITs อย่างไรสำหรับมือใหม่?
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ผมมีแนวทางเบื้องต้นในการพิจารณาเลือก REITs
ครับ
1.
ศึกษาทำความเข้าใจอสังหาริมทรัพย์ที่
REITs ลงทุน: REITs นั้นลงทุนในอาคารประเภทไหน
(สำนักงาน, ค้าปลีก, โรงแรม, คลังสินค้า) และอยู่ในทำเลใด คุณเข้าใจธุรกิจนั้นดีแค่ไหน
2.
ดูผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend
Yield): ดูว่า REITs จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอหรือไม่
และอัตราเงินปันผลอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยง
3.
ดูอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy
Rate): อัตราการเช่าที่สูงแสดงว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นที่ต้องการและมีรายได้ที่มั่นคง
4.
ดูงบการเงินและศักยภาพการเติบโต: ศึกษาผลประกอบการที่ผ่านมา และแผนการขยายลงทุนในอนาคตของ REITs
5.
พิจารณาค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของ REITs ต่างๆ
เพื่อเลือกที่เหมาะสม
การเริ่มต้น: คุณสามารถซื้อหน่วยลงทุนของ
REITs ได้ง่ายๆ ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)
ที่คุณเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นอยู่ครับ เพราะ REITs ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้น
บทสรุป: REITs ทางเลือกใหม่ของการลงทุนอสังหาฯ
ครับ REITs
(Real Estate Investment Trusts) เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
แต่มีข้อจำกัดเรื่องเงินทุนหรือเวลาในการบริหารจัดการ
ด้วยจุดเด่นเรื่องการเข้าถึงง่าย การจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
และสภาพคล่องที่สูง ทำให้ REITs กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายและมั่นคง
จำไว้ว่า แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่การลงทุนใน REITs ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เสมอ
การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณลงทุน
จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาคุณไปสู่ความสำเร็จในโลกของอสังหาริมทรัพย์ผ่าน REITs
ครับ