ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: สรุปง่ายๆ ใครต้องจ่าย? จ่ายเท่าไหร่?
เรื่อง "ภาษี" เป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะรู้สึกว่าซับซ้อน เข้าใจยาก และอยากจะหลีกเลี่ยง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาษีคือหน้าที่ของพลเมืองที่ดีทุกคนครับ และหากเราเข้าใจมันอย่างถูกต้อง
เราก็จะสามารถวางแผนการเงินและวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ และใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ
ที่มีได้อย่างเต็มที่
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจพื้นฐานของ "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" แบบสรุปง่ายๆ
ครับว่า ใครบ้างที่ต้องจ่าย? และ จ่ายเท่าไหร่?
เพื่อให้ คุณผู้ชมทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของภาษี
และเตรียมพร้อมสำหรับการยื่นภาษีประจำปีได้อย่างมั่นใจครับ
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคืออะไร?
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ "ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ตามที่กฎหมายกำหนด" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้เหล่านั้นไปพัฒนาประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน, พัฒนาการศึกษา,
สาธารณสุข, หรือสวัสดิการต่างๆ
ใครคือ "บุคคลธรรมดา" ที่ต้องเสียภาษี? ในทางภาษี "บุคคลธรรมดา" หมายถึง:
·
บุคคลทั่วไป
·
ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี
(ต้องยื่นภาษีของปีนั้นๆ ด้วย)
·
กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
·
ห้างหุ้นส่วนสามัญ
หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ใครต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา?
กฎหมายกำหนดว่าผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือ "ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิดขึ้นในปีภาษีที่ผ่านมา" ครับ
เกณฑ์สำคัญที่ต้องรู้:
1.
ผู้อยู่ในประเทศไทย:
o
มีเงินได้พึงประเมิน (รายได้)
เกินกว่า 120,000 บาทต่อปี (สำหรับคนโสด)
o
มีเงินได้พึงประเมิน (รายได้)
เกินกว่า 220,000 บาทต่อปี (สำหรับคนมีคู่สมรส)
o
ผู้ที่มีรายได้จากการจ้างแรงงาน
(เงินเดือน) เพียงอย่างเดียว และมีเงินได้สุทธิ (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน)
เกิน 150,000 บาทต่อปี (เพราะเงินได้สุทธิ
150,000 บาทแรกได้รับการยกเว้นภาษี)
สำคัญมาก: แม้จะได้รับยกเว้นภาษี (เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท) แต่หากเข้าเกณฑ์รายได้พึงประเมินข้างต้น ก็ยังคงมีหน้าที่
"ยื่นแบบแสดงรายการภาษี" เพื่อแสดงให้สรรพากรรับทราบว่าเรามีรายได้เท่าไหร่และได้รับการยกเว้นครับ
2.
ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยชั่วคราว: กรณีที่คุณอยู่หรือพักอาศัยในประเทศไทยตั้งแต่ 180 วันขึ้นไปในปีภาษีนั้นๆ
ถือเป็น "ผู้อยู่ในประเทศไทย" และมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งเงินได้ทั้งในและนอกประเทศครับ
3.
ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย: จะเสียภาษีเฉพาะเงินได้ที่เกิดขึ้นจากแหล่งเงินได้ในประเทศไทยเท่านั้น
"เงินได้พึงประเมิน" คืออะไร? (รายได้ที่คุณต้องรู้)
สรรพากรกำหนดประเภทของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้
8 ประเภท เพื่อให้
สามารถแยกแยะได้ง่ายขึ้นว่ารายได้ของคุณเข้าข่ายประเภทไหนครับ
1.
เงินได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง
โบนัส เบี้ยเลี้ยง (มาตรา 40(1)): เช่น
เงินเดือน, ค่าล่วงเวลา, โบนัส,
ค่าเช่าบ้านที่นายจ้างจ่ายให้, เบี้ยประชุม
2.
เงินได้จากการจ้างทำงาน
หรือค่าตอบแทนที่ไม่ใช่เงินเดือน (มาตรา 40(2)): เช่น ค่าธรรมเนียม, ค่านายหน้า, ค่าตอบแทนวิชาชีพ (เช่น แพทย์, ทนาย, วิศวกร, สถาปนิก)
3.
เงินได้จากค่าแห่งกู๊ดวิลล์
ค่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร (มาตรา 40(3)): เช่น ค่าลิขสิทธิ์เพลง, ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ,
ค่าสิทธิบัตร
4.
เงินได้จากดอกเบี้ย เงินปันผล
ส่วนแบ่งกำไร (มาตรา 40(4)): เช่น
ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร, ดอกเบี้ยพันธบัตร, เงินปันผลจากหุ้น/กองทุน (บางประเภทอาจถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายและจบไปเลย)
5.
เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน
(มาตรา 40(5)): เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าเช่าที่ดิน, ค่าเช่ารถ
6.
เงินได้จากวิชาชีพอิสระ
(มาตรา 40(6)): เช่น แพทย์, ทนายความ, นักบัญชี, วิศวกร,
สถาปนิก, ช่างฝีมือ, ศิลปิน
(รายได้จากการรับทำอาชีพอิสระ ที่ไม่เข้าข่าย 40(2))
7.
เงินได้จากการรับเหมาทั้งค่าแรงและค่าของ
(มาตรา 40(7)): เช่น การรับเหมาก่อสร้าง,
รับเหมาทำของ
8.
เงินได้จากธุรกิจ การพาณิชย์
เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การขนส่ง หรือเงินได้อื่นๆ ที่ไม่เข้าพวก 1-7 (มาตรา 40(8)): เช่น รายได้จากการขายของออนไลน์,
รายได้จากช่อง YouTube (ที่ ทำ), การผลิตสินค้า,
การทำฟาร์ม, ธุรกิจร้านอาหาร
จ่ายภาษีเท่าไหร่? (อัตราภาษีก้าวหน้า)
การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะใช้อัตราภาษีแบบ "ก้าวหน้า" หรือ "อัตราภาษีแบบขั้นบันได" ซึ่งหมายความว่า "ยิ่งมีเงินได้สุทธิมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นเท่านั้น" ครับ
ขั้นตอนการคำนวณภาษีง่ายๆ:
1.
หารายได้รวมทั้งปี: นำเงินได้พึงประเมินทุกประเภทรวมกัน
2.
หักค่าใช้จ่าย: สรรพากรกำหนดค่าใช้จ่ายที่สามารถหักได้ตามประเภทของเงินได้ (เช่น
เงินเดือนหักได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท)
3.
หักค่าลดหย่อน: หักค่าลดหย่อนต่างๆ ที่กฎหมายกำหนด (เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว, ประกันชีวิต, ดอกเบี้ยบ้าน, RMF/SSF)
4.
ได้ "เงินได้สุทธิ":
(เงินได้รวม - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน)
5.
นำเงินได้สุทธิไปคำนวณภาษีตามอัตราก้าวหน้า:
ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (อัปเดต ณ ปัจจุบัน):
เงินได้สุทธิ (บาท) |
อัตราภาษี (%) |
1 - 150,000 |
ได้รับยกเว้น |
150,001 - 300,000 |
5 % |
300,001 - 500,000 |
10 % |
500,001 - 750,000 |
15 % |
750,001 - 1,000,000 |
20 % |
1,000,001 - 2,000,000 |
25 % |
2,000,001 - 5,000,000 |
30 % |
5,000,001 ขึ้นไป |
35 % |
ตัวอย่างง่ายๆ: สมมติ มีเงินได้สุทธิ (หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว) อยู่ที่ 400,000 บาท
·
150,000 บาทแรก = ได้รับยกเว้นภาษี
·
150,001 - 300,000 บาท (จำนวน 150,000
บาท) = เสียภาษี 5% = 150,000×5%=7,500 บาท
·
300,001 - 400,000 บาท (จำนวน 100,000
บาท) = เสียภาษี 10% = 100,000×10%=10,000 บาท
รวมภาษีที่ต้องจ่ายทั้งหมด = 7,500+10,000=17,500 บาท
สิ่งสำคัญที่ต้องจำ: "มีรายได้ต้องยื่นภาษี"
แม้ว่ารายได้ของคุณอาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่
"ได้รับการยกเว้นภาษี" (เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท) แต่หากคุณมีรายได้พึงประเมินเข้าเกณฑ์ที่ต้องยื่นแบบ (ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น)
คุณก็ยังมีหน้าที่ "ยื่นแบบแสดงรายการภาษี" เพื่อแจ้งให้สรรพากรทราบถึงรายได้ของคุณครับ
การไม่ยื่นแบบอาจมีโทษปรับได้ครับ
กำหนดเวลาการยื่นภาษี: โดยปกติ
จะยื่นสำหรับเงินได้ของปีภาษีที่ผ่านมา (1 มกราคม - 31
ธันวาคม)
·
ยื่นแบบกระดาษ: ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
·
ยื่นแบบออนไลน์: ภายในวันที่ 9 เมษายน ของปีถัดไป
บทสรุป: เข้าใจภาษี คือก้าวแรกสู่การเงินที่ดี
การทำความเข้าใจพื้นฐานของ "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดครับ
เมื่อเราเข้าใจว่าใครต้องจ่าย, จ่ายจากอะไร, และคำนวณอย่างไร ก็จะช่วยให้เราเตรียมตัววางแผนการเงินได้ดีขึ้น
การเสียภาษีอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่หน้าที่
แต่ยังช่วยให้คุณเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของภาครัฐ
และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศของเราด้วยครับ หากคุณมีรายได้
อย่าลืมยื่นภาษีให้ถูกต้องและครบถ้วนนะครับ!