เทคนิควางแผนลดหย่อนภาษี: ใช้อะไรได้บ้าง? ครบ จบ ในที่เดียว

 

 

วางแผนลดหย่อนภาษี

วางแผนลดหย่อนภาษี: ใช้อะไรได้บ้าง? ครบ จบ ในที่เดียว

หลังจากที่เราเข้าใจแล้วว่า "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" คืออะไร และเราต้องจ่ายเท่าไหร่ อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการบริหารจัดการภาษี คือการ "วางแผนลดหย่อนภาษี" ครับ การลดหย่อนภาษีคือการนำค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุนบางประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ไปหักออกจากเงินได้พึงประเมิน ทำให้ "เงินได้สุทธิ" ของเราลดลง และส่งผลให้ "ภาษีที่ต้องจ่าย" น้อยลงตามไปด้วยครับ

วันนี้เราจะมาสรุปแบบ "ครบ จบ ในที่เดียว" ว่า "วางแผนลดหย่อนภาษี ใช้อะไรได้บ้าง?" เพื่อให้   คุณผู้ชมทุกคนสามารถใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ และประหยัดภาษีในกระเป๋าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดครับ

หลักการทำงานของ "ค่าลดหย่อนภาษี"

จำหลักการง่ายๆ ครับ:

เงินได้สุทธิ = รายได้รวม - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน

เมื่อเงินได้สุทธิลดลง ภาระภาษีของคุณก็จะลดลงตามอัตราภาษีแบบขั้นบันไดครับ ยิ่งหักค่าลดหย่อนได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจ่ายภาษีน้อยลงเท่านั้น (หรือบางคนอาจถึงขั้นไม่ต้องจ่ายเลย หากเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท)

ประเภทของ "ค่าลดหย่อนภาษี" (อัปเดต ณ ปัจจุบัน)

ค่าลดหย่อนภาษีสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ เพื่อให้    เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ

กลุ่มที่ 1: ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว (พื้นฐานที่ทุกคนควรได้)

1.         ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท (ทุกคนที่ยื่นภาษี ได้รับสิทธิ์นี้อัตโนมัติ)

2.         ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท (กรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือมีแต่เลือกยื่นรวมกับผู้มีเงินได้ และต้องจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย)

3.         ค่าลดหย่อนบุตร:

o   บุตรชอบด้วยกฎหมาย: คนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวน)

o   บุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป: ได้รับเพิ่มอีกคนละ 30,000 บาท (รวมเป็น 60,000 บาทต่อคน)

o   บุตรที่ศึกษาในต่างประเทศ: ยังคงสามารถลดหย่อนได้ หากมีอายุไม่เกิน 25 ปี

o   เงื่อนไข: บุตรต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปี และยังศึกษาอยู่ หรืออายุไม่เกิน 20 ปี และไม่มีเงินได้ในปีนั้น (ยกเว้นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้น)

4.         ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร: จ่ายจริงไม่เกิน 60,000 บาท (ต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่ได้รับอนุญาต)

5.         ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: คนละ 30,000 บาท สำหรับบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี (ใช้สิทธิ์ได้ทั้งบุตรที่แท้จริงและบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย)

6.         ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ/ทุพพลภาพ: คนละ 60,000 บาท (สำหรับคนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี)

กลุ่มที่ 2: ค่าลดหย่อนกลุ่มประกันและการลงทุน (เพื่ออนาคต)

1.         เบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากสงเคราะห์ชีวิต: จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท (ต้องมีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป)

2.         เบี้ยประกันสุขภาพ: จ่ายจริงไม่เกิน 25,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท)

3.         เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา: จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท (สำหรับบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี)

4.         กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., เบี้ยประกันบำนาญ)

5.         กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท

6.         เบี้ยประกันบำนาญ: จ่ายจริงไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท (และเมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข. ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)

7.         กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน: จ่ายจริงไม่เกิน 500,000 บาท

กลุ่มที่ 3: ค่าลดหย่อนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และเงินกู้ (สำหรับคนมีบ้าน/ผ่อนบ้าน)

1.         ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างที่อยู่อาศัย: จ่ายจริงไม่เกิน 120,000 บาท (ต้องเป็นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย)

กลุ่มที่ 4: ค่าลดหย่อนกลุ่มบริจาคและกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตามนโยบายรัฐ)

1.         เงินบริจาคทั่วไป: หักลดหย่อนได้ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนอื่นๆ (เช่น บริจาคให้วัด, องค์กรการกุศลทั่วไป)

2.         เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และสาธารณประโยชน์ (สถานศึกษา, โรงพยาบาลของรัฐ, กองทุนผู้สูงอายุ): หักลดหย่อนได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้สุทธิหลังหักค่าลดหย่อนอื่นๆ

3.         เงินบริจาคให้พรรคการเมือง: จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท

4.         โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ (ถ้ามี): บางปีรัฐบาลอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการ "ช้อปดีมีคืน" หรือ "เที่ยวด้วยกัน" ที่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไข (ต้องติดตามประกาศจากกรมสรรพากรเป็นรายปี)

วางแผนลดหย่อนภาษีอย่างชาญฉลาด (    ไม่ควรพลาด!)

เพื่อให้การวางแผนลดหย่อนภาษีของ    เกิดประโยชน์สูงสุด ลองพิจารณาตามขั้นตอนเหล่านี้ครับ

1.         ประเมินรายได้รวมทั้งปี: คำนวณเงินเดือน, โบนัส, รายได้ฟรีแลนซ์, รายได้จากการขายภาพ, ทำคลิป YouTube, รายได้จาก E-book (มาตรา 40(8) ของ    )

2.         คำนวณเงินได้สุทธิเบื้องต้น: หักค่าใช้จ่ายตามประเภทเงินได้ (    ที่มีรายได้ 40(8) สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60% หรือหักตามจริงได้)

3.         ไล่ดูค่าลดหย่อนกลุ่มที่ 1 (ส่วนตัว/ครอบครัว): ตรวจสอบว่าคุณและครอบครัวมีสิทธิ์ลดหย่อนอะไรได้บ้าง (ค่าลดหย่อนส่วนตัวได้ทุกคน)

4.         พิจารณาค่าลดหย่อนกลุ่มที่ 2 (ประกัน/ลงทุน):

o   ประกันชีวิต/สุขภาพ: หากคุณมีประกันอยู่แล้ว ตรวจสอบว่าเข้าเงื่อนไขลดหย่อนหรือไม่ หรือหากยังไม่มีและกำลังมองหา นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ลดหย่อนและสร้างความคุ้มครอง

o   RMF/SSF: หากคุณมีเงินเหลือและต้องการวางแผนเกษียณ หรืออยากลงทุนระยะยาวเพื่อลดหย่อนภาษี กองทุนเหล่านี้เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม (จะเจาะลึกในบทความถัดไป)

5.         พิจารณาค่าลดหย่อนกลุ่มที่ 3 (อสังหาริมทรัพย์): หากคุณผ่อนบ้านอยู่ อย่าลืมนำดอกเบี้ยเงินกู้มาลดหย่อน

6.         พิจารณาค่าลดหย่อนกลุ่มที่ 4 (บริจาค/กระตุ้นเศรษฐกิจ): หากมีแผนจะบริจาค หรือมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ ก็ใช้สิทธิ์ได้เลย

สำคัญ: การลดหย่อนภาษีควรอยู่บนพื้นฐานของการวางแผนการเงินที่ดี ไม่ใช่แค่ซื้อเพื่อลดหย่อนเท่านั้น แต่ต้องตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของคุณด้วย (เช่น ซื้อประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครอง ไม่ใช่แค่ลดหย่อน)

บทสรุป: ลดหย่อนภาษี คือสิทธิ์ที่คุณต้องใช้!

การวางแผน "ลดหย่อนภาษี" เป็นสิทธิประโยชน์ที่กฎหมายมอบให้คุณ เพื่อช่วยลดภาระภาษี และยังเป็นการส่งเสริมให้คุณมีการออม การลงทุน หรือการดูแลครอบครัว

การเรียนรู้และใช้ค่าลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วน จะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างชาญฉลาด และเก็บเงินไว้ในกระเป๋าของคุณได้มากขึ้น เพื่อนำไปต่อยอด สร้างความมั่งคั่งในชีวิตได้ต่อไปครับ อย่าปล่อยให้สิทธิ์นี้หลุดมือไปนะครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม