ทำไมต้องมีประวัติเครดิตบูโร? สำคัญอย่างไร?
เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาที่เราไปขอสินเชื่อกับธนาคาร
ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน, สินเชื่อรถยนต์, บัตรเครดิต, หรือแม้แต่สินเชื่อส่วนบุคคล
ทำไมธนาคารถึงต้องถามถึง "ประวัติเครดิตบูโร" หรือขออนุญาตตรวจสอบข้อมูลเครดิตของเราอยู่เสมอ? และมันสำคัญอย่างไรกับชีวิตทางการเงินของเรา?
วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของ "ประวัติเครดิตบูโร" กันครับ เพื่อให้ และคุณผู้ชมทุกคนตระหนักถึงบทบาทของมันในการสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง
และรู้วิธีดูแลรักษาประวัติเครดิตของตัวเองให้ดีอยู่เสมอครับ และสามารถวางแผนจัดการหนี้สินได้ด้วย
ประวัติเครดิตบูโรคืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า "เครดิตบูโร"
คืออะไร
เครดิตบูโร (หรือชื่อเต็มคือ บริษัท
ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด) คือ "ศูนย์กลางที่รวบรวมข้อมูลสินเชื่อของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจากสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิก" ครับ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในรูปแบบของ "รายงานข้อมูลเครดิต (Credit Report)" ซึ่งจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการชำระหนี้ของคุณว่าเคยมีสินเชื่ออะไรบ้าง,
วงเงินเท่าไหร่, ชำระตรงเวลาหรือไม่, ค้างชำระหรือไม่, หรือมีหนี้เสียหรือไม่
ข้อมูลที่อยู่ในรายงานเครดิตบูโรโดยสรุป:
·
ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, วันเกิด,
เลขบัตรประชาชน
·
ข้อมูลบัญชีสินเชื่อ:
o
ประเภทสินเชื่อ (บัตรเครดิต,
สินเชื่อบ้าน, รถยนต์, ส่วนบุคคล
ฯลฯ)
o
ชื่อสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ
o
วงเงินสินเชื่อที่ได้รับ
o
วันอนุมัติ/วันที่เปิดบัญชี
o
ยอดหนี้คงเหลือ
o
ประวัติการชำระหนี้ (สำคัญที่สุด!): แสดงสถานะการชำระหนี้ในแต่ละเดือนย้อนหลัง 36 เดือน
(3 ปี) ว่าชำระตรงเวลา, ชำระล่าช้ากี่วัน,
หรือค้างชำระไปเลย
สิ่งที่ไม่ใช่ข้อมูลเครดิตบูโร: เครดิตบูโร
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเงินฝาก, ทรัพย์สิน, รายได้, หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับประวัติการชำระหนี้สินของคุณครับ และ ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับ "แบล็กลิสต์" หรือการขึ้นบัญชีดำแต่อย่างใด
เป็นเพียงผู้รวบรวมและจัดเก็บข้อมูลเท่านั้น
ทำไมต้องมีประวัติเครดิตบูโร? สำคัญอย่างไร?
ประวัติเครดิตบูโรมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งผู้ให้กู้และตัวผู้ขอสินเชื่อเองครับ
สำหรับ "สถาบันการเงิน/ผู้ให้กู้" (ธนาคาร, ไฟแนนซ์)
1.
ช่วยประเมินความเสี่ยง: รายงานเครดิตบูโรเปรียบเสมือน "สมุดพกทางการเงิน"
ที่ช่วยให้สถาบันการเงินทราบว่าคุณมีวินัยในการชำระหนี้เป็นอย่างไร
มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน การตรวจสอบข้อมูลเครดิตช่วยให้ธนาคารประเมินความสามารถและความตั้งใจในการชำระหนี้ของคุณ
2.
ประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ: เป็นข้อมูลสำคัญที่ธนาคารใช้ประกอบการตัดสินใจว่าจะอนุมัติสินเชื่อให้คุณหรือไม่,
จะอนุมัติวงเงินเท่าไหร่, และจะให้ดอกเบี้ยในอัตราใด
3.
ลดความเสี่ยงหนี้เสียของระบบ: การมีข้อมูลที่ชัดเจนช่วยให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อได้อย่างรอบคอบมากขึ้น
ลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสียในภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ
4.
ป้องกันการก่อหนี้เกินตัว: ธนาคารสามารถตรวจสอบได้ว่าคุณมีภาระหนี้อยู่กับสถาบันการเงินอื่นมากน้อยแค่ไหน
เพื่อป้องกันไม่ให้คุณก่อหนี้เกินความสามารถในการชำระคืน (Debt Service
Ratio)
สำหรับ "ตัวคุณเอง" (ผู้ขอสินเชื่อ)
1.
เป็นหลักฐานความน่าเชื่อถือ: ประวัติการชำระหนี้ที่ดีในเครดิตบูโรคือ "ใบเบิกทาง"
ที่สำคัญที่สุดในการขอสินเชื่อ
ธนาคารจะให้ความเชื่อมั่นและมีแนวโน้มที่จะอนุมัติสินเชื่อให้คุณง่ายขึ้น
ได้วงเงินที่สูงขึ้น และได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง
2.
ช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ: หากไม่มีประวัติเครดิตเลย หรือมีประวัติที่ไม่ดี
คุณอาจไม่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้
ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบที่ผิดกฎหมายและมีดอกเบี้ยสูงมาก
3.
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล: คุณสามารถขอรายงานข้อมูลเครดิตของตัวเองเพื่อตรวจสอบว่ามีข้อมูลผิดพลาดหรือไม่
หากพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็สามารถแจ้งเครดิตบูโรเพื่อดำเนินการแก้ไขได้
4.
วางแผนการเงินในอนาคต: การตรวจสอบประวัติเครดิตของตัวเองช่วยให้คุณเห็นภาพรวมภาระหนี้สินทั้งหมด
ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น และปรับปรุงพฤติกรรมการชำระหนี้ให้ดียิ่งขึ้น
ประวัติเครดิตบูโรที่ดีเป็นอย่างไร?
ประวัติเครดิตบูโรที่ดีคือ:
·
ชำระหนี้ตรงเวลาสม่ำเสมอ: สถานะการชำระหนี้ในรายงานจะต้องขึ้นว่า "10" ซึ่งหมายถึง ชำระหนี้ปกติ หรือ "00" สำหรับบัญชีที่ปิดไปแล้ว
·
ไม่มีการค้างชำระนาน: หลีกเลี่ยงสถานะ "30" (ค้างชำระเกิน 30
วัน), "60" (ค้างชำระเกิน 60
วัน), หรือ "90" (ค้างชำระเกิน 90 วันและเป็นหนี้เสีย)
·
มีประวัติการใช้สินเชื่อที่หลากหลาย
(แต่ไม่มากเกินไป): เช่น มีทั้งสินเชื่อบ้าน, สินเชื่อรถยนต์, และบัตรเครดิต และมีการจัดการที่ดีทุกประเภท
·
ไม่มีการปิดบัญชีเร็วเกินไป: การขอสินเชื่อแล้วปิดบัญชีเร็วเกินไป
อาจไม่ช่วยสร้างประวัติที่มั่นคงเท่าที่ควร
วิธีสร้างและรักษาประวัติเครดิตบูโรที่ดี
1.
ชำระหนี้ให้ตรงเวลาและเต็มจำนวนเสมอ: นี่คือกฎทอง! หากชำระไม่ได้จริงๆ ให้รีบติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจา
2.
ใช้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ: อย่าก่อหนี้เกินตัว
3.
เปิดบัตรเครดิต/สินเชื่อเท่าที่จำเป็น: ไม่จำเป็นต้องมีหลายใบ
4.
ตรวจสอบรายงานเครดิตบูโรของตัวเองเป็นประจำ: ปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อเช็คความถูกต้องและติดตามสถานะ
5.
สร้างประวัติจากสินเชื่อเริ่มต้น: หากยังไม่มีประวัติเครดิต ลองเริ่มต้นจากบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษา
หรือสินเชื่อประเภทเล็กๆ ที่คุณมั่นใจว่าจะชำระได้ดี
บทสรุป: เครดิตบูโรคือ "กุญแจสำคัญ" สู่ประตูการเงิน
ประวัติเครดิตบูโร ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด แต่เป็น "กุญแจสำคัญ" ที่จะเปิดประตูไปสู่โอกาสทางการเงินที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
การมีประวัติเครดิตที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ง่ายขึ้น
ได้เงื่อนไขที่ดีขึ้น และมีอิสระทางการเงินในการบริหารจัดการชีวิต