ประกันชีวิต/บำนาญ: ทางเลือกเพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง
หลังจากที่เราคุยกันเรื่อง "เงินที่ต้องมีเมื่อเกษียณ" ไปแล้ว
เครื่องมือสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างมั่นคง คือ "ประกันชีวิต" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ประกันชีวิตแบบบำนาญ" ครับ
ประกันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองชีวิตเท่านั้น
แต่ยังเป็นเครื่องมือในการออมและการลงทุนระยะยาวที่ช่วยสร้างกระแสเงินสดให้คุณใช้ในยามเกษียณได้อย่างสบายใจครับ
วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่า "ประกันชีวิต/บำนาญ" มีความสำคัญอย่างไร เป็นทางเลือกเพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคงได้อย่างไร
และควรพิจารณาเลือกแบบไหนดีครับ
ประกันชีวิต: ไม่ใช่แค่ตายแล้วได้เงิน!
คนส่วนใหญ่อาจเข้าใจว่าประกันชีวิตมีไว้เพื่อคุ้มครองกรณีเสียชีวิตเท่านั้น
แต่ในความเป็นจริง
ประกันชีวิตมีหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินที่แตกต่างกันได้ครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัยเกษียณ
ประเภทของประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนเกษียณ:
1.
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์:
o
คุณสมบัติ: เป็นการออมควบคู่ไปกับการคุ้มครองชีวิต มีการจ่ายเบี้ยประกันเป็นงวดๆ
และเมื่อครบกำหนดสัญญา (เช่น 10 ปี, 15 ปี, 20 ปี หรือจนถึงอายุ 60 ปี)
ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนเป็นก้อน หรือเป็นเงินปันผล
o
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการออมเงินแบบมีวินัย
และได้รับเงินคืนเป็นก้อนเมื่อถึงเป้าหมายที่วางไว้ เช่น
ใช้เป็นเงินก้อนเริ่มต้นสำหรับชีวิตหลังเกษียณ หรือเป็นเงินทุนสำรองฉุกเฉิน
o
ข้อดี:
ได้รับความคุ้มครองชีวิต, มีโอกาสได้รับผลตอบแทน
(เงินคืน/เงินปันผล), และที่สำคัญคือ เบี้ยประกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด
100,000 บาท
2.
ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Pension
Plan):
o
คุณสมบัติ: เป็นประกันที่ออกแบบมาเพื่อ "สร้างรายได้ประจำให้คุณหลังเกษียณ" โดยเฉพาะ คุณจะจ่ายเบี้ยประกันในช่วงวัยทำงาน และเมื่อถึงอายุเกษียณ
(เช่น 55 หรือ 60 ปี)
บริษัทประกันจะทยอยจ่ายเงินคืนให้คุณเป็นงวดๆ อย่างสม่ำเสมอไปจนถึงอายุที่กำหนด
(เช่น 85 หรือ 99 ปี) หรือตลอดชีวิต
o
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการมี "กระแสเงินสด" ที่แน่นอนในยามเกษียณ
เพื่อใช้เป็นค่าครองชีพประจำเดือน ลดความกังวลเรื่องเงินหมด
o
ข้อดี:
§ ได้เงินคืนเป็นรายงวด: เหมือนมีเงินเดือนใช้หลังเกษียณ
§ การันตีรายได้: บางแผนมีการการันตีจำนวนเงินบำนาญขั้นต่ำ
ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีเงินใช้แน่นอน
§ วินัยในการออม: ช่วยให้มีวินัยในการเก็บเงินเพื่อวัยเกษียณ
§ ลดหย่อนภาษีได้สูง: เบี้ยประกันบำนาญสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด
15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (เมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
3.
ประกันควบการลงทุน (Unit-linked):
o
คุณสมบัติ: เป็นประกันที่รวมเอาการคุ้มครองชีวิตและการลงทุนไว้ด้วยกัน
เบี้ยประกันส่วนหนึ่งจะนำไปจ่ายค่าความคุ้มครอง
ส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในกองทุนรวมที่คุณเลือกเอง (คล้ายกับ RMF/SSF) ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงกว่าประกันแบบดั้งเดิม
แต่ก็มีความเสี่ยงจากการลงทุน
o
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการทั้งความคุ้มครองชีวิตและโอกาสในการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว
และรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้
o
ข้อดี:
ยืดหยุ่นสูง (ปรับเปลี่ยนวงเงินคุ้มครอง, เพิ่ม/ลดเงินลงทุนได้),
มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง, สามารถนำเบี้ยประกันส่วนคุ้มครองไปลดหย่อนภาษีได้
ทำไมประกันชีวิต/บำนาญถึงเป็น
"ทางเลือกเพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง"?
1.
สร้าง "วินัย"
ในการออมระยะยาว: การจ่ายเบี้ยประกันเป็นประจำ ช่วยบังคับให้คุณเก็บเงินเพื่ออนาคต
โดยไม่ถอนออกมาใช้ก่อนกำหนด
2.
"ความคุ้มครองชีวิต"
ที่จำเป็น: ไม่ว่าจะเป็นประกันแบบไหน
ก็ยังคงให้ความคุ้มครองชีวิต
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีภาระทางการเงินหรือผู้ที่ต้องการส่งต่อมรดกให้คนข้างหลัง
3.
"กระแสเงินสด"
ที่แน่นอนหลังเกษียณ (โดยเฉพาะประกันบำนาญ): การมีเงินบำนาญจ่ายคืนให้เป็นรายงวด
ช่วยให้คุณมีรายได้ประจำสำหรับค่าครองชีพ ลดความกังวลเรื่องเงินหมดในยามชรา
4.
"ลดหย่อนภาษี"
ได้มหาศาล: นี่คือข้อดีที่สำคัญมาก
โดยเฉพาะประกันบำนาญที่ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในวงเงินที่สูงมาก ช่วยให้คุณประหยัดภาษีในแต่ละปี
และนำเงินที่ประหยัดได้ไปลงทุนเพิ่ม
5.
"ลดความเสี่ยง"
จากตลาดหุ้น/การลงทุนเองทั้งหมด: ประกันบำนาญเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างปลอดภัย
มีการการันตีผลประโยชน์ที่แน่นอนกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเองทั้งหมด
6.
"ส่งต่อความมั่งคั่ง"
(ในบางกรณี): หากเป็นประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์หรือควบการลงทุน
หากคุณเสียชีวิตก่อนได้รับเงินคืนทั้งหมด ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินตามเงื่อนไข
เลือกประกันชีวิต/บำนาญอย่างไรให้เหมาะกับ ?
ในฐานะที่
ทำงานฟรีแลนซ์ มีรายได้หลายทาง และทำ Amazon KDP/Merch ซึ่งมีโอกาสสร้าง Passive Income ได้
แต่ก็ยังไม่มีสวัสดิการแบบพนักงานประจำ
การพิจารณาประกันชีวิต/บำนาญจึงยิ่งสำคัญครับ
1.
ประเมิน
"ความต้องการและความเสี่ยง":
o
ต้องการเน้นการมี
"เงินก้อน" เมื่อครบกำหนด: พิจารณา ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
o
ต้องการมี
"เงินใช้ประจำ" เมื่อเกษียณอย่างแน่นอน: พิจารณา
ประกันชีวิตแบบบำนาญ (ตอบโจทย์เรื่อง Passive
Income ยามเกษียณได้ดีมาก)
o
ต้องการ "ลงทุน"
เพื่อผลตอบแทนสูง และรับความเสี่ยงได้: พิจารณา ประกันควบการลงทุน
(Unit-linked)
2.
พิจารณา "งบประมาณ"
ในการจ่ายเบี้ยประกัน: เลือกเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับรายได้ของคุณในแต่ละเดือน/ปี
เพื่อให้สามารถจ่ายได้ต่อเนื่อง ไม่เป็นภาระ
3.
ศึกษา
"เงื่อนไขและผลประโยชน์" อย่างละเอียด:
o
ระยะเวลาการจ่ายเบี้ย: จ่ายกี่ปี?
o
ระยะเวลาการคุ้มครอง/การจ่ายบำนาญ: คุ้มครองนานแค่ไหน? จ่ายบำนาญถึงอายุเท่าไหร่?
o
อัตราผลตอบแทน/เงินคืน: ได้เงินคืนเท่าไหร่? มีเงินปันผลหรือไม่?
o
เงื่อนไขการรับเงินบำนาญ: จ่ายคืนอย่างไร? เมื่อไหร่?
o
ความคุ้มครองชีวิต: วงเงินคุ้มครองเท่าไหร่?
4.
ใช้สิทธิ์
"ลดหย่อนภาษี" ให้เต็มที่: เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีของแต่ละแบบ
และพิจารณาให้สอดคล้องกับการวางแผนภาษีโดยรวมของคุณ
5.
ปรึกษา
"ตัวแทนประกันชีวิต" ที่มีความรู้: เล่าเป้าหมายทางการเงินและสถานะของคุณให้ฟัง
เพื่อให้เขาแนะนำแบบประกันที่เหมาะสมที่สุด และอธิบายเงื่อนไขต่างๆ
ให้คุณเข้าใจอย่างละเอียด
ประกันชีวิต/บำนาญ สร้างความมั่นคงให้วัยเกษียณ
การทำ "ประกันชีวิต" และโดยเฉพาะ "ประกันชีวิตแบบบำนาญ" ไม่ใช่แค่การจ่ายเงินทิ้งไป
แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตและเป็นหลักประกันความมั่นคงให้กับชีวิตคุณในยามเกษียณครับ
การมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากบำนาญในวัยเกษียณ
จะช่วยให้คุณหมดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและอิสระ ไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานครับ
อย่าลืมพิจารณาประกันเหล่านี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนเกษียณอายุของคุณนะครับ!