![]() |
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต |
เข้าใจดอกเบี้ยบัตรเครดิต: วิธีคำนวณและหลีกเลี่ยง
"ดอกเบี้ยบัตรเครดิต" คือคำที่หลายคนได้ยินแล้วอาจรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ
เพราะมันคือหนึ่งในต้นทุนทางการเงินที่สูงที่สุด หากใช้บัตรเครดิตไม่ถูกวิธีครับ
การที่เราจะใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่สร้างหนี้ได้นั้น
สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "เข้าใจดอกเบี้ยบัตรเครดิต" อย่างถ่องแท้ ทั้งวิธีคำนวณและที่สำคัญคือวิธีหลีกเลี่ยงมันครับ
วันนี้เราจะมาถอดรหัสความซับซ้อนของดอกเบี้ยบัตรเครดิต เพื่อให้ และคุณผู้ชมทุกคนรู้เท่าทัน
และสามารถบริหารจัดการการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อย่างชาญฉลาด
ไม่ให้ดอกเบี้ยกลายเป็นภาระที่บั่นทอนสุขภาพทางการเงินของคุณครับ
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคืออะไร?
ดอกเบี้ยบัตรเครดิต คือ "ค่าธรรมเนียมที่สถาบันการเงินเรียกเก็บจากผู้ถือบัตร
เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและไม่สามารถชำระยอดเต็มจำนวนได้ภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยที่กำหนด" โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในประเทศไทยจะอยู่ที่ประมาณ 16-18%
ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นๆ
ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (Interest-Free Period): โดยปกติแล้ว บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยให้ประมาณ 45-55
วัน นับจากวันที่สรุปยอดบัญชี (Statement
Date) ไปจนถึงวันครบกำหนดชำระ (Due Date) หากคุณชำระยอดเต็มจำนวนภายในวันครบกำหนด
คุณจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว
วิธีคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต (แบบที่ต้องเจอถ้าจ่ายไม่เต็ม)
นี่คือจุดที่หลายคนเข้าใจผิดและเป็นกับดักสำคัญครับ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะถูกคำนวณจาก
"ยอดคงค้าง" ที่ยังไม่ได้ชำระ โดยคิดตั้งแต่วันที่ทำรายการ
(ไม่ใช่แค่วันที่เลยกำหนดชำระ) และดอกเบี้ยจะถูกคำนวณแบบ "ลดต้นลดดอก" ในแต่ละวัน
ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ย (แบบง่ายๆ):
สมมติ:
·
ยอดใช้จ่าย: 10,000 บาท
·
อัตราดอกเบี้ย: 18% ต่อปี
·
รอบบิล: 30 วัน
(เช่น วันที่ 1-30 ของเดือน)
·
วันสรุปยอด: วันที่ 30 ของเดือน
·
วันครบกำหนดชำระ: วันที่ 20 ของเดือนถัดไป (สมมติมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 20 วัน)
สถานการณ์ที่ 1: ชำระเต็มจำนวน ( ทำแบบนี้อยู่แล้ว!) คุณชำระ 10,000 บาท ภายในวันที่ 20 ของเดือนถัดไป ดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย = 0 บาท
(เพราะอยู่ในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย)
สถานการณ์ที่ 2: ชำระขั้นต่ำ 10%
(แต่ไม่ต่ำกว่า 500 บาท) และค้างส่วนที่เหลือ คุณชำระเพียง 1,000 บาท (10% ของ
10,000 บาท) ในวันที่ 20 ของเดือนถัดไป
·
ยอดเงินต้นคงค้าง:
10,000 - 1,000 = 9,000 บาท
·
การคำนวณดอกเบี้ย
(ของงวดที่ผ่านมา): ธนาคารจะคำนวณดอกเบี้ยของยอด 10,000
บาท นับตั้งแต่วันที่ทำรายการ จนถึงวันก่อนที่คุณจะชำระ
o
สมมติคุณใช้จ่ายวันที่ 1 ของเดือน และครบกำหนดชำระวันที่ 20 ของเดือนถัดไป
รวม 50 วัน
o
ดอกเบี้ยสำหรับยอด 10,000 บาท ที่ค้างอยู่ (โดยสมมติว่าคิดจากยอดเต็มตั้งแต่แรก) = (10,000×18%×50 วัน)/365 วัน=246.57 บาท
·
ยอดหนี้ใหม่
(สำหรับรอบบิลถัดไป): 9,000 (เงินต้นที่เหลือ) + 246.57
(ดอกเบี้ย) + ค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี) = 9,246.57 บาท (โดยประมาณ)
·
และดอกเบี้ยสำหรับยอด 9,000
บาท ก็จะเริ่มเดินต่อไปตั้งแต่วันที่คุณจ่ายขั้นต่ำครับ
ข้อสังเกตสำคัญ:
·
คิดดอกเบี้ยจากยอดเต็มจำนวนตั้งแต่แรก: หากคุณไม่จ่ายเต็มจำนวน
เงินที่ใช้ไปทั้งหมดในรอบบิลนั้นจะถูกคิดดอกเบี้ยย้อนหลังไปถึงวันที่คุณทำรายการนั้นๆ
·
ดอกเบี้ยทบต้น: หากคุณยังคงชำระขั้นต่ำ ดอกเบี้ยที่ค้างอยู่จะถูกนำไปรวมกับเงินต้น
และคิดดอกเบี้ยจากยอดรวมนั้น ทำให้ยอดหนี้พอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว
(ยิ่งนานยิ่งเยอะ)
5 วิธี "หลีกเลี่ยง" ดอกเบี้ยบัตรเครดิต
(ง่ายกว่าที่คิด!)
การหลีกเลี่ยงดอกเบี้ยบัตรเครดิตนั้นง่ายกว่าการคำนวณเยอะเลยครับ
แค่คุณทำตาม 5 ข้อนี้อย่างเคร่งครัด
1. "ชำระยอดเต็มจำนวนเสมอ" คือกฎข้อเดียวที่สำคัญที่สุด!
·
หากคุณทำตามข้อนี้ได้
คุณจะไม่มีทางเสียดอกเบี้ยบัตรเครดิตเลยแม้แต่บาทเดียว
เพราะคุณจะอยู่ในช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยตลอด
·
พยายามอย่าใช้จ่ายเกินตัว
จนกระทั่งไม่สามารถชำระเต็มจำนวนได้
2. ตั้งค่า "หักบัญชีอัตโนมัติเต็มจำนวน"
·
นี่คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่จะทำให้คุณไม่ลืมชำระ
และชำระได้เต็มจำนวนเสมอ
·
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าในบัญชีเงินฝากของคุณมีเงินเพียงพอต่อการหักชำระยอดบัตรเครดิต
3. ตั้งแจ้งเตือนวันครบกำหนดชำระ
·
หากไม่สะดวกหักบัญชีอัตโนมัติ ให้ตั้งแจ้งเตือนในปฏิทินมือถือ
หรือแอปพลิเคชันทางการเงินอย่างน้อย 2-3 วันก่อนถึงวันครบกำหนดชำระ
เพื่อให้มีเวลาโอนเงินหรือดำเนินการชำระ
4. รู้จัก "ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย" ของตัวเอง
·
รู้ว่าบัตรเครดิตของคุณมีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยกี่วัน
(โดยทั่วไป 45-55 วัน) เพื่อวางแผนการใช้จ่ายและการชำระเงินให้เหมาะสม
·
หากทำรายการใกล้กับวันสรุปยอด
คุณจะมีเวลาชำระคืนนานขึ้น
5. "อย่าใช้บัตรเครดิตเพื่อกดเงินสด" (เด็ดขาด!)
·
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะถูกคิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่กด
โดยไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยมักจะสูงกว่าการรูดซื้อสินค้า
·
นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมการกดเงินสดอีกด้วย
บทสรุป: ดอกเบี้ยบัตรเครดิตเป็น "ศัตรู"
หากคุณไม่เข้าใจมัน
ดอกเบี้ยบัตรเครดิตคือต้นทุนที่แพงที่สุดที่คุณอาจต้องจ่ายหากใช้บัตรไม่ระวัง
แต่ในทางกลับกัน มันคือสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงได้ 100%"
หากคุณมีวินัยและทำตามหลักการพื้นฐาน
การเข้าใจวิธีคำนวณดอกเบี้ยจะช่วยให้คุณตระหนักถึงความร้ายกาจของมัน
และเป็นแรงผลักดันให้คุณชำระเต็มจำนวนอยู่เสมอ
จำไว้ว่า "ชำระเต็มจำนวนและตรงเวลา"
คือกุญแจสำคัญสู่การใช้บัตรเครดิตให้ได้ประโยชน์สูงสุด
และหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ที่ไร้ประโยชน์ครับ เริ่มต้นทำวันนี้
เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีของคุณเองครับ!