อารมณ์กับการตัดสินใจทางการเงิน: ควบคุมอย่างไร? ไม่ให้เกิดความผิดพลาด

 

 

การตัดสินใจทางการเงิน

อารมณ์กับการตัดสินใจทางการเงิน: ควบคุมอย่างไร?

ในการบริหารจัดการเงินและการลงทุน เรามักคิดว่ามันเป็นเรื่องของตรรกะและเหตุผลล้วนๆ ครับ เราศึกษาข้อมูล, วิเคราะห์ตัวเลข, วางแผนกลยุทธ์อย่างรอบคอบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว "อารมณ์" มีบทบาทอย่างมหาศาลในการตัดสินใจทางการเงินของเราครับ

บ่อยครั้งที่ความโลภ, ความกลัว, ความกังวล, หรือแม้แต่ความมั่นใจเกินเหตุ เข้ามาบดบังการใช้เหตุผล ทำให้เราตัดสินใจผิดพลาด และส่งผลเสียต่อสถานะทางการเงินของเราครับ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง "อารมณ์กับการตัดสินใจทางการเงิน: ควบคุมอย่างไร?" เพื่อให้  คุณผู้ชมทุกคนเข้าใจถึงอิทธิพลของอารมณ์ และเรียนรู้วิธีควบคุมมัน เพื่อการตัดสินใจทางการเงินที่มีประสิทธิภาพและมั่นคงยิ่งขึ้นครับ

ทำไมอารมณ์ถึงมีอิทธิพลต่อการเงินของเรา?

สมองของมนุษย์มีส่วนที่เรียกว่า "ระบบลิมบิก (Limbic System)" ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอารมณ์และความรู้สึกครับ เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจทางการเงิน ระบบนี้มักจะทำงานก่อนส่วนที่ใช้เหตุผล (Prefrontal Cortex) ครับ

ตัวอย่างเช่น:

·        เมื่อตลาดหุ้นพุ่งขึ้น: ความโลภและ FOMO (ความกลัวพลาด) จะกระตุ้นให้เราอยากรีบเข้าไปซื้อ โดยไม่สนใจมูลค่าพื้นฐาน

·        เมื่อตลาดหุ้นตกหนัก: ความกลัวและความตื่นตระหนกจะทำให้เราอยากรีบขายหุ้นทิ้ง แม้จะขาดทุนหนักก็ตาม โดยไม่สนใจหลักการลงทุนระยะยาว

การตัดสินใจที่ใช้อารมณ์นำนี้ มักนำไปสู่พฤติกรรมที่เราเรียกกันว่า "ซื้อเมื่อโลภ ขายเมื่อกลัว" ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนขาดทุนจากการลงทุนครับ

อารมณ์หลักๆ ที่ส่งผลต่อการเงิน และวิธีควบคุม

1. ความโลภ (Greed)

·        คืออะไร: ความต้องการที่จะได้ผลตอบแทนมากๆ อย่างรวดเร็ว หรือการอยากได้เงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่จำกัด

·        ผลกระทบ: ทำให้เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ราคาแพงเกินไป, ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเกินตัว, หรือไม่ยอมขายทำกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย

·        วิธีควบคุม:

o   ตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผล: กำหนดผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

o   มีวินัยในการลงทุน: เมื่อถึงเป้าหมายกำไรที่วางไว้ ให้พิจารณาขายทำกำไรตามแผน

o   ยึดมั่นในพื้นฐาน: อย่าให้กระแส หรือข่าวลือชักจูงให้ลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ

2. ความกลัว (Fear) และ ความตื่นตระหนก (Panic)

·        คืออะไร: ความรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเห็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น หรือเมื่อราคาตลาดปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว

·        ผลกระทบ: ทำให้รีบขายสินทรัพย์ออกไปในราคาที่ขาดทุนหนัก, พลาดโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ดีๆ ตอนราคาถูก, หรือเก็บเงินสดไว้มากเกินไปจนพลาดโอกาสในการเติบโตของสินทรัพย์

·        วิธีควบคุม:

o   มีความรู้และเข้าใจในสินทรัพย์ที่ลงทุน: เมื่อเข้าใจพื้นฐานของสินทรัพย์ จะช่วยให้คุณมั่นใจและไม่ตื่นตระหนกง่ายๆ

o   มีแผนรองรับวิกฤต: เช่น มีเงินสำรองฉุกเฉิน, กระจายความเสี่ยงในพอร์ต

o   โฟกัสที่ระยะยาว: ตลาดมักจะฟื้นตัวในระยะยาว อดทนและอย่าขายหุ้นตอนตลาดตกต่ำ

o   จำกัดการรับข้อมูล: หลีกเลี่ยงการเสพข่าวลือ หรือข่าวเชิงลบมากเกินไป

3. ความมั่นใจเกินเหตุ (Overconfidence)

·        คืออะไร: การประเมินความสามารถของตัวเองในการคาดการณ์ตลาด หรือการเลือกสินทรัพย์สูงเกินไป

·        ผลกระทบ: ทำให้ลงทุนโดยประมาท, ไม่กระจายความเสี่ยง, ไม่ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ, หรือไม่ยอมรับความผิดพลาด

·        วิธีควบคุม:

o   ยอมรับความไม่แน่นอน: ตระหนักว่าไม่มีใครคาดการณ์ตลาดได้แม่นยำ 100%

o   ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ขอความคิดเห็นจากผู้มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญ

o   ตรวจสอบและทบทวน: หมั่นตรวจสอบผลการลงทุนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ และเรียนรู้จากความผิดพลาด

4. ความรู้สึกเสียดาย/พลาดโอกาส (Regret Aversion / FOMO)

·        คืออะไร: ความกลัวที่จะตัดสินใจผิดพลาด และเสียดายในภายหลังหากพลาดโอกาสดีๆ ไป

·        ผลกระทบ: ทำให้ตัดสินใจลงทุนตามกระแส, ซื้อที่ราคาสูง, หรือลงทุนในสิ่งที่ไม่เหมาะกับตัวเอง

·        วิธีควบคุม:

o   ยึดมั่นในแผนและเป้าหมาย: อย่าให้อารมณ์มาบงการการตัดสินใจของคุณ

o   ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง: อย่าลงทุนเพราะคนอื่นบอกว่าดี แต่ต้องเข้าใจมันด้วยตัวเอง

o   ยอมรับว่าเราไม่สามารถได้ทุกโอกาส: ตลาดการเงินมีโอกาสเกิดขึ้นใหม่เสมอ ไม่จำเป็นต้องคว้าทุกโอกาส

กลยุทธ์ทั่วไปในการควบคุมอารมณ์กับการตัดสินใจทางการเงิน

1.         สร้างแผนการเงินและการลงทุนที่ชัดเจน: เขียนเป้าหมาย, กลยุทธ์, และกฎเกณฑ์ต่างๆ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และยึดมั่นในแผนนั้น

2.         มีวินัยอย่างเคร่งครัด: ทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง

3.         กระจายความเสี่ยง: ไม่นำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียว หรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

4.         ลงทุนแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging): ทยอยลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอ ช่วยตัดอารมณ์เรื่องการจับจังหวะตลาด

5.         ทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ: ประเมินผลตอบแทนและความเสี่ยง และปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์

6.         ให้ความรู้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง: ยิ่งคุณมีความรู้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้น และลดความกลัวลงได้

7.         รู้จักพัก: หากรู้สึกว่าอารมณ์กำลังปั่นป่วนจากการติดตามข่าวสารมากเกินไป ให้ลองพักจากการดูตลาดสักพัก

8.         ฝึกสติ (Mindfulness): การฝึกสติช่วยให้คุณตระหนักถึงอารมณ์ของตัวเอง และไม่ให้อารมณ์นั้นๆ ครอบงำการตัดสินใจ

บทสรุป: การเดินทางสู่ความมั่งคั่ง คือการฝึกจิตใจ

การตัดสินใจทางการเงินที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ตัวเลขและข้อมูล แต่ขึ้นอยู่กับ "การควบคุมอารมณ์" ของเราด้วยครับ

จงเรียนรู้ที่จะสังเกตอารมณ์ของตัวเอง, ทำความเข้าใจว่ามันส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างไร, และมีกลยุทธ์ในการรับมือกับมันครับ เมื่อคุณสามารถควบคุมอารมณ์ของคุณได้ คุณก็จะสามารถควบคุมเงินของคุณได้ และก้าวไปสู่ความมั่งคั่งทางการเงินที่คุณต้องการครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม