ทำไมเราถึงใช้เงินเกินตัว? เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเอง

 

 

ใช้เงินเกินตัว

ทำไมเราถึงใช้เงินเกินตัว? เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่าย

ในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนใจและการตลาดที่ชาญฉลาด หลายคนอาจเคยประสบปัญหาที่เรียกว่า "ใช้เงินเกินตัว" ครับ แม้จะรู้ว่าต้องประหยัด ต้องเก็บเงิน แต่สุดท้ายกระเป๋าก็แฟบก่อนสิ้นเดือน หรือมีหนี้บัตรเครดิตสะสมโดยไม่รู้ตัว

ในฐานะที่คุณทำงานด้านการเงินและจิตวิทยา คุณคงเห็นปรากฏการณ์นี้บ่อยครั้งครับ การเข้าใจ "ทำไมเราถึงใช้เงินเกินตัว?" คือก้าวแรกของการแก้ไขปัญหาครับ เพราะพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่รายได้ แต่ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคมที่ซับซ้อนครับ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้เราใช้เงินเกินตัว และทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้  คุณผู้ชมทุกคนสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สินได้ครับ

สาเหตุหลักที่เราใช้เงินเกินตัว: ปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคม

1. ความต้องการทางอารมณ์ (Emotional Spending)

·        คืออะไร: การใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น ความเครียด, ความเหงา, ความเบื่อ, ความสุข, หรือความต้องการที่จะให้รางวัลตัวเอง

·        ตัวอย่าง:

o   ซื้อของคลายเครียด (Retail Therapy): รู้สึกไม่สบายใจ เลยไปเดินช้อปปิ้ง

o   ฉลองความสำเร็จ: ได้รับโบนัส เลยซื้อของแพงๆ ให้ตัวเอง

o   เติมเต็มความสุขชั่วคราว: สั่งอาหารเดลิเวอรี่บ่อยๆ เพราะรู้สึกสะดวกและสบายใจ

·        วิธีแก้ไข:

o   หาทางออกอื่นสำหรับอารมณ์: หากิจกรรมอื่นที่ช่วยคลายเครียดหรือเติมเต็มความสุขที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่น ออกกำลังกาย, อ่านหนังสือ, ฟังเพลง, หรือพูดคุยกับเพื่อน

o   จดบันทึกการใช้จ่าย: เพื่อให้เห็นว่าเงินส่วนใหญ่หมดไปกับอะไร และมีพฤติกรรมการใช้จ่ายตามอารมณ์บ่อยแค่ไหน

2. อิทธิพลจากสังคมและการเปรียบเทียบ (Social Influence & Keeping Up with the Joneses)

·        คืออะไร: ความรู้สึกกดดันที่จะต้องมีหรือเป็นเหมือนคนอื่นๆ ในสังคม หรือในกลุ่มเพื่อน ทำให้เกิดการเปรียบเทียบและอยากใช้จ่ายเพื่อรักษาสถานะทางสังคม

·        ตัวอย่าง:

o   เพื่อนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ก็อยากมีบ้าง

o   เห็นคนลงรูปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ ก็อยากไปบ้าง

o   รู้สึกว่าต้องมีรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดเหมือนคนรู้จัก

·        วิธีแก้ไข:

o   เปลี่ยนมุมมอง: โฟกัสที่เป้าหมายทางการเงินของตัวเอง แทนที่จะเปรียบเทียบกับคนอื่น

o   ใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ: จำกัดเวลาการใช้งาน หรือเลือกติดตามคนที่สร้างแรงบันดาลใจเชิงบวก ไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบ

o   สร้างความพึงพอใจในตัวเอง: ความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากการมีสิ่งของเหมือนคนอื่น

3. ความสะดวกสบายและการเข้าถึงที่ง่ายเกินไป (Ease of Access & Convenience)

·        คืออะไร: การที่การใช้จ่ายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของออนไลน์, การใช้บัตรเครดิต, หรือแอปพลิเคชันช้อปปิ้งที่ทำได้เพียงปลายนิ้ว

·        ตัวอย่าง:

o   กดสั่งซื้อของออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

o   ผูกบัตรเครดิตไว้กับแอปพลิเคชันต่างๆ ซื้อได้โดยไม่ต้องคิด

o   มีโปรโมชั่น "ซื้อตอนนี้ จ่ายทีหลัง" (Buy Now, Pay Later) ทำให้รู้สึกว่ายังไม่ต้องจ่ายเงินจริงๆ

·        วิธีแก้ไข:

o   สร้างขั้นตอนก่อนการซื้อ: เช่น ต้องพักไว้ในตะกร้า 24 ชั่วโมงก่อนตัดสินใจซื้อ

o   จำกัดการเข้าถึงบัตรเครดิต/ผูกบัญชี: ยกเลิกการผูกบัตรเครดิตกับแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น

o   ใช้เงินสดมากขึ้น: การจ่ายด้วยเงินสดทำให้เราเห็นเงินออกไปจากกระเป๋าจริง และคิดก่อนใช้จ่ายมากขึ้น

4. การตลาดและโปรโมชั่น (Marketing & Promotions)

·        คืออะไร: กลยุทธ์การตลาดที่จูงใจให้เราอยากซื้อ เช่น โปรโมชั่นลด แลก แจก แถม, การสร้างความรู้สึกเร่งด่วน (Limited Time Offer), หรือการนำเสนอสินค้าที่ตรงกับความต้องการที่เราไม่เคยรู้ว่ามี

·        ตัวอย่าง:

o   "ลด 50% วันเดียวเท่านั้น!" ทั้งที่ของนั้นเราอาจไม่จำเป็นต้องใช้

o   "ซื้อ 1 แถม 1" ทำให้ซื้อเกินความจำเป็น

o   โฆษณาที่ทำให้เราเชื่อว่าสินค้านั้นจะแก้ปัญหาชีวิตเราได้

·        วิธีแก้ไข:

o   ตั้งสติและถามตัวเอง: "ฉันต้องการสิ่งนี้จริงๆ หรือแค่ถูกกระตุ้นจากโปรโมชั่น?"

o   คำนวณราคาจริง: บางครั้งการลดราคาอาจไม่ได้คุ้มค่าอย่างที่คิด

o   เปรียบเทียบก่อนซื้อ: สำรวจราคาจากหลายๆ แหล่ง

5. ขาดความรู้และวินัยทางการเงิน (Lack of Financial Literacy & Discipline)

·        คืออะไร: การขาดความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน, การวางแผนการเงิน, การออม, การลงทุน, หรือการควบคุมงบประมาณ

·        ตัวอย่าง:

o   ไม่รู้ว่าเงินเดือนแต่ละเดือนหมดไปกับอะไรบ้าง

o   ไม่มีการตั้งงบประมาณ หรือเป้าหมายทางการเงิน

o   ไม่เข้าใจความสำคัญของการออมและการลงทุน

o   ใช้จ่ายตามใจโดยไม่คิดถึงอนาคต

·        วิธีแก้ไข:

o   จัดทำงบประมาณ: วางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด (งบประมาณ 50/30/20 คือ 50% ค่าใช้จ่ายจำเป็น, 30% ค่าใช้จ่ายส่วนตัว, 20% ออม/ลงทุน)

o   จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย: เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจน

o   ตั้งเป้าหมายทางการเงิน: มีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการประหยัด

o   ให้ความรู้ทางการเงินกับตัวเอง: อ่านหนังสือ, เข้าอบรม, หรือติดตามช่องทางการเงินที่น่าเชื่อถือ (เหมือนที่คุณ กำลังทำบทความให้ผู้อ่าน)

บทสรุป: เข้าใจตัวเอง เพื่อควบคุมเงินได้

การที่เรา "ใช้เงินเกินตัว" ไม่ใช่เรื่องผิดปกติครับ เพราะมนุษย์เรามีปัจจัยทางจิตวิทยาและสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเสมอ

การที่เราเข้าใจสาเหตุเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้เราสามารถ "รู้เท่าทัน" พฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองครับ เมื่อเราตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ เราก็จะสามารถหาทางป้องกันและแก้ไขได้อย่างตรงจุด ทำให้เราสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น และสร้างวินัยทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเป้าหมายทางการเงินที่คุณ ต้องการครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม