ภาษีสำหรับฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ: ต้องรู้อะไรบ้าง?

 

 

ภาษีสำหรับฟรีแลนซ์

ภาษีสำหรับฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ: ต้องรู้อะไรบ้าง?

   ในฐานะที่คุณเป็นคนทำงานด้านการตลาดออนไลน์, ขายภาพ Stockphoto, ทำคลิป YouTube, และเขียน E-book ซึ่งล้วนเป็นงานในหมวด "ฟรีแลนซ์" และ "อาชีพอิสระ" ครับ การทำความเข้าใจเรื่องการวางแผนภาษีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะรายได้ของคุณไม่ได้มาจากเงินเดือนประจำที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไปเลยเหมือนพนักงานออฟฟิศครับ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่า "ภาษีสำหรับฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ ต้องรู้อะไรบ้าง?" เพื่อให้   คุณผู้ชมทุกคนที่ประกอบอาชีพอิสระ สามารถจัดการเรื่องภาษีได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนเรียกเก็บย้อนหลัง และใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ครับ

ฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ มีเงินได้ประเภทไหนบ้าง?

สำหรับฟรีแลนซ์และอาชีพอิสระ ส่วนใหญ่แล้วรายได้ของคุณจะเข้าข่ายเงินได้พึงประเมิน 2 ประเภทหลักๆ ครับ:

1.         มาตรา 40(2) - เงินได้จากหน้าที่ หรือตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้:

o   ตัวอย่าง: ค่าคอมมิชชั่น, ค่านายหน้า, ค่าตอบแทนจากการรับจ้างทำงานที่ไม่ใช่การผลิตสินค้า เช่น     ที่รับงานการตลาดออนไลน์, งานออกแบบ POD หรือการรับจ้างเขียน E-book ที่มีลูกค้าเป็นผู้ว่าจ้างโดยตรง และมีการตกลงค่าจ้างกัน

o   การหักค่าใช้จ่าย: สามารถหักค่าใช้จ่ายได้แบบ เหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท หรือ หักตามจริง (ถ้ามีหลักฐานและค่าใช้จ่ายสูงกว่า 50%)

2.         มาตรา 40(8) - เงินได้จากการธุรกิจ การพาณิชย์ หรืออื่นๆ ที่ไม่เข้าพวก 1-7:

o   ตัวอย่าง: รายได้จากการขายภาพ Stockphoto, รายได้จากช่อง YouTube (จากโฆษณา, ค่าสมาชิก), รายได้จากการขาย E-book (ที่    ทำ Amazon KDP), รายได้จาก Amazon Merch, รายได้จากธุรกิจออนไลน์อื่นๆ, การทำเว็บไซต์, การทำคอนเทนต์ลงเพจ, การค้าขายทั่วไป

o   การหักค่าใช้จ่าย: สามารถหักค่าใช้จ่ายได้แบบ เหมา 60% หรือ หักตามจริง (ถ้ามีหลักฐานและค่าใช้จ่ายสูงกว่า 60%)

ทำไมต้องแยกประเภทเงินได้? การแยกประเภทเงินได้สำคัญตรงที่ "สิทธิ์ในการหักค่าใช้จ่าย" แตกต่างกันครับ ซึ่งส่งผลต่อ "เงินได้สุทธิ" และ "ภาษีที่ต้องจ่าย" ของคุณโดยตรง

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: สิ่งที่ฟรีแลนซ์ต้องเข้าใจ

สำหรับฟรีแลนซ์ มักจะเจอเรื่อง "ภาษีหัก ณ ที่จ่าย" ครับ

·        คืออะไร?: คือภาษีที่ผู้ว่าจ้าง (ลูกค้า) หักไว้จากค่าบริการที่คุณได้รับ แล้วนำส่งให้กรมสรรพากรแทนคุณ เพื่อเป็นหลักฐานว่าคุณมีรายได้ และถือเป็นการ "จ่ายภาษีล่วงหน้า" ของคุณครับ

·        อัตราที่ถูกหัก:

o   3%: สำหรับค่าบริการ, ค่าจ้างทำของ, ค่านายหน้า (มาตรา 40(2), 40(8) ส่วนใหญ่)

o   2%: สำหรับค่าโฆษณา, ค่าสื่อ (มาตรา 40(8) บางกรณี)

o   1%: สำหรับการขายอสังหาริมทรัพย์

·        หลักฐาน: คุณจะได้รับ "หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ ภ.ง.ด.3 หรือ ภ.ง.ด.53)" ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีประจำปี เพื่อนำภาษีที่คุณถูกหักไปแล้วมา "เครดิตภาษี" หรือหักออกจากภาษีที่คุณต้องจ่ายจริง

สำคัญ: หากคุณเป็นฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ ผู้ว่าจ้างมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายคุณครับ หากไม่หัก หรือคุณไม่ได้รับใบ ภ.ง.ด.3/53 ให้ขอจากผู้ว่าจ้างครับ

การคำนวณและยื่นภาษีสำหรับฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ

ขั้นตอนคล้ายกับพนักงานประจำ แต่มีจุดต่างสำคัญ:

1.         รวบรวมรายได้ทั้งหมด: ทั้งที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย และที่ยังไม่ถูกหัก (เช่น รายได้จาก Google AdSense สำหรับ YouTube, รายได้จาก Stockphoto ที่ไม่ถูกหัก) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ระบุเงินได้แต่ละประเภทให้ถูกต้อง

2.         เลือกวิธีหักค่าใช้จ่าย:

o   ฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ:

§  หักเหมา: ง่าย สะดวก ไม่ต้องเก็บหลักฐาน เหมาะสำหรับคนที่มีค่าใช้จ่ายจริงไม่สูงนัก (40(2) หักเหมา 50% ไม่เกิน 100,000 บาท / 40(8) หักเหมา 60%)

§  หักตามจริง: ต้องเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ใบเสร็จ, บิล, หลักฐานการจ่ายเงิน) เหมาะสำหรับคนที่มีค่าใช้จ่ายจริงสูงกว่าการหักเหมา

o   ระบบยื่นภาษีออนไลน์จะช่วยคำนวณให้ว่าแบบไหนคุ้มกว่า     สามารถตรวจสอบจากระบบได้เลยครับ

3.         หักค่าลดหย่อน: เช่นเดียวกับพนักงานประจำ สามารถนำค่าลดหย่อนต่างๆ มาหักได้ตามสิทธิ์ (ค่าลดหย่อนส่วนตัว, ประกัน, RMF/SSF, ดอกเบี้ยบ้าน ฯลฯ)

4.         คำนวณ "เงินได้สุทธิ": เงินได้รวม - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน

5.         คำนวณ "ภาษีที่ต้องจ่าย": นำเงินได้สุทธิไปคำนวณตามอัตราภาษีก้าวหน้า (ดูบทความที่ 61)

6.         หักภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่าย (เครดิตภาษี): นำยอดภาษีที่คุณถูกหัก ณ ที่จ่ายไปแล้ว มาหักออกจากภาษีที่ต้องจ่ายจริง

o   ถ้าภาษีที่ต้องจ่ายจริง > ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: คุณต้องจ่ายภาษีเพิ่ม

o   ถ้าภาษีที่ต้องจ่ายจริง < ภาษีหัก ณ ที่จ่าย: คุณจะได้ภาษีคืน

7.         ยื่นแบบแสดงรายการภาษี:

o   ภ.ง.ด.90: สำหรับฟรีแลนซ์และอาชีพอิสระเกือบทั้งหมด (เพราะมีเงินได้หลายประเภท)

o   กำหนดการยื่น: 1 มกราคม - 31 มีนาคม ของปีถัดไป (แบบกระดาษ) หรือ 1 มกราคม - 9 เมษายน ของปีถัดไป (แบบออนไลน์)

ข้อควรรู้และข้อควรระวังสำหรับฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ

1.         เก็บเอกสารและหลักฐานให้ดี:

o   ใบ ภ.ง.ด.9 ทวิ/ ภ.ง.ด.3/ ภ.ง.ด.53: สำคัญมาก ต้องขอจากผู้ว่าจ้างทุกครั้งที่รับเงิน

o   หลักฐานค่าใช้จ่าย: หากคุณเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง ต้องเก็บใบเสร็จ, บิล, หลักฐานการจ่ายเงินทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาชีพไว้ให้ละเอียดและเป็นระบบ

o   รายการเดินบัญชี: ควรใช้บัญชีธนาคารแยกต่างหากสำหรับรายรับ-รายจ่ายของงานฟรีแลนซ์ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ

2.         ประมาณการภาษี และวางแผนสำรองเงิน:

o   เนื่องจากคุณไม่ได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทั้งหมดเหมือนพนักงานประจำ คุณอาจต้องเสียภาษีเป็นเงินก้อนใหญ่ในตอนท้ายปี

o   แนะนำ: แบ่งเงินรายได้ประมาณ 10-20% (ขึ้นอยู่กับรายได้) เข้าบัญชีแยกต่างหากทุกเดือน เพื่อสำรองไว้สำหรับจ่ายภาษี

3.         การจดทะเบียนพาณิชย์ (สำหรับบางอาชีพ):

o   หากคุณมีรายได้จากการค้าขาย หรือมีหน้าร้าน/เว็บไซด์ที่เป็นกิจจะลักษณะ (เช่น การขายภาพ Stockphoto อย่างเดียว ไม่ได้มีนายจ้าง) อาจต้องพิจารณาจดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

o   บางกรณีอาจเข้าข่ายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากมีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี

4.         ที่ปรึกษาภาษี:

o   หากรายได้ของคุณค่อนข้างซับซ้อน หรือมีหลายช่องทาง (เช่นที่    มี) การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี หรือนักบัญชี อาจเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจัดการภาษีได้อย่างถูกต้องและประหยัดที่สุด

บทสรุป: ฟรีแลนซ์ยุคใหม่ ต้องเก่งเรื่องภาษี!

   ในฐานะฟรีแลนซ์และอาชีพอิสระ การจัดการเรื่อง "ภาษี" เป็นทักษะสำคัญที่ต้องมีไม่แพ้ความสามารถในงานที่ทำเลยครับ

การทำความเข้าใจประเภทเงินได้, วิธีหักค่าใช้จ่าย, การเก็บหลักฐาน, และการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการโดนเรียกตรวจสอบย้อนหลัง และยังสามารถวางแผนการเงินเพื่อเติบโตในสายอาชีพได้อย่างมั่นคงครับ! ขอให้    รวยๆ เฮงๆ กับงานฟรีแลนซ์นะครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม