ตรวจสอบภาษีคืน: เอกสารที่ต้องเตรียม และวิธีขอคืน
หนึ่งในความรู้สึกดีๆ หลังการยื่นภาษีประจำปี
คือการลุ้นว่าเราจะได้รับ "ภาษีคืน" หรือไม่ครับ สำหรับหลายคน การได้รับภาษีคืนถือเป็นเหมือนโบนัสเล็กๆ น้อยๆ
ที่จะช่วยให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น
แต่ก็มีบางคนที่อาจจะยังไม่ทราบขั้นตอนการตรวจสอบสถานะ
หรือเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อขอคืนภาษีครับ
วันนี้เราจะมาดูกันว่า "การตรวจสอบภาษีคืน" ต้องทำอย่างไร และมี "เอกสารอะไรที่ต้องเตรียม" รวมถึง "วิธีขอคืน" เพื่อให้ คุณผู้ชมทุกคนได้รับเงินภาษีคืนอย่างราบรื่นและรวดเร็วที่สุดครับ
ภาษีคืนคืออะไร? ทำไมถึงได้คืน?
ภาษีคืน คือ "เงินภาษีที่คุณจ่ายเกินไปในปีภาษีที่ผ่านมา" ครับ สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้คุณมีสิทธิ์ได้ภาษีคืน ได้แก่:
·
ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกิน: เช่น เงินเดือนของคุณถูกนายจ้างหัก ณ
ที่จ่ายไปในอัตราสูงกว่าความเป็นจริง หรือรายได้ฟรีแลนซ์ถูกหัก 3% ไว้ตลอดทั้งปี แต่พอคำนวณภาษีจริงแล้ว คุณมีค่าลดหย่อนเยอะ
หรือรายได้สุทธิต่ำกว่าเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
·
ใช้สิทธิ์ค่าลดหย่อนเพิ่มขึ้น: คุณมีการซื้อประกันชีวิต/สุขภาพ, ลงทุนใน RMF/SSF,
หรือมีการบริจาค
ที่ทำให้เงินได้สุทธิของคุณลดลงมากจนภาษีที่ต้องจ่ายน้อยกว่าภาษีที่ถูกหัก ณ
ที่จ่ายไปแล้ว
·
มีการเปลี่ยนแปลงสถานะส่วนตัว: เช่น มีบุตรเพิ่มขึ้น, มีการอุปการะบิดามารดา หรือมีการขอคืนภาษีที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย
ตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี: ทำอย่างไร?
หลังจากที่คุณยื่นแบบแสดงรายการภาษีเรียบร้อยแล้ว
กรมสรรพากรจะทำการตรวจสอบข้อมูลของคุณครับ
คุณสามารถตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษีได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์
วิธีตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษี:
1.
เข้าสู่เว็บไซต์กรมสรรพากร:
www.rd.go.th
2.
มองหาเมนู "ตรวจสอบข้อมูลการขอคืนภาษี" หรือ "สอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี"
3.
ระบุข้อมูลที่จำเป็น: กรอกเลขประจำตัวประชาชน (เลขบัตรประชาชน) และชื่อ-นามสกุล
หรือข้อมูลอื่นๆ ตามที่ระบบระบุ
4.
ดูสถานะ: ระบบจะแสดงสถานะการขอคืนภาษีของคุณ เช่น:
o
อยู่ระหว่างการพิจารณา: กรมสรรพากรกำลังตรวจสอบข้อมูลของคุณ
o
ได้รับอนุมัติคืนภาษีแล้ว: หมายความว่ากรมสรรพากรอนุมัติการคืนภาษีของคุณแล้ว
และกำลังจะดำเนินการโอนเงินคืน
o
มีข้อให้ชี้แจงเพิ่มเติม: กรมสรรพากรต้องการเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณ
o
ไม่อนุมัติคืนภาษี: กรมสรรพากรตัดสินใจไม่อนุมัติการคืนภาษี (ซึ่งมักจะมาพร้อมเหตุผล)
เอกสารที่ต้องเตรียม หากสรรพากรขอ "ชี้แจงเพิ่มเติม"
ในบางกรณี หากข้อมูลที่คุณยื่นไปไม่ครบถ้วน
หรือมีรายการที่กรมสรรพากรต้องการตรวจสอบเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่อาจขอให้คุณ "ชี้แจงเพิ่มเติม" หรือ "ส่งเอกสารประกอบ" ครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ไม่ต้องตกใจครับ
เอกสารที่มักจะถูกเรียกขอชี้แจงเพิ่มเติม:
1.
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ
ที่จ่าย (ใบ ภ.ง.ด.9 ทวิ): จากนายจ้าง
หรือผู้ว่าจ้าง/ลูกค้า
o
สิ่งสำคัญ: ตรวจสอบว่าในใบ ภ.ง.ด.9 ทวิ มีลายเซ็นของผู้หักภาษีถูกต้อง
และมีการระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้หักภาษีอย่างชัดเจน
2.
เอกสารหลักฐานค่าลดหย่อนต่างๆ:
o
เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ: ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกันจากบริษัทประกัน
o
RMF/SSF: หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน
(บลจ.)
o
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน: หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคาร/สถาบันการเงิน
o
เงินบริจาค: ใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุโมทนาบัตร ที่ระบุชื่อ-สกุล
และเลขประจำตัวประชาชนของคุณ รวมถึงชื่อหน่วยงานที่รับบริจาค
และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของหน่วยงานนั้นๆ
o
ค่าฝากครรภ์/คลอดบุตร: ใบเสร็จรับเงินจากโรงพยาบาล/สถานพยาบาล
o
หลักฐานค่าลดหย่อนบุตร/บิดามารดา/คนพิการ:
(ถ้ามีการขอ)
อาจเป็นการขอเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสถานะความสัมพันธ์ หรือหลักฐานการเลี้ยงดู
3.
หลักฐานรายได้อื่นๆ (ที่ ควรระวัง):
o
รายได้จากฟรีแลนซ์/อาชีพอิสระ (40(8)):
หากคุณเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง
อาจถูกเรียกขอใบเสร็จ/หลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรายได้นั้นๆ (เช่น
ค่าโฆษณา, ค่าจ้างทีมงาน, ค่าอุปกรณ์)
o
รายการเดินบัญชีธนาคาร: หากมีรายได้ที่ไม่ถูกหัก ณ ที่จ่าย หรือมีเงินได้ที่ผิดปกติ
กรมสรรพากรอาจขอ Statement ธนาคารของคุณเพื่อตรวจสอบที่มาของเงิน
o
หลักฐานการซื้อขาย/รับรายได้ออนไลน์: เช่น หลักฐานการรับเงินจากแพลตฟอร์ม Stockphoto, รายละเอียดรายได้จาก
YouTube, รายได้จากการขาย E-book (Amazon KDP/Merch)
คำแนะนำ:
·
เตรียมให้พร้อม: ควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อมตั้งแต่ตอนยื่นภาษี
เผื่อกรณีที่สรรพากรเรียกตรวจสอบ จะได้ส่งมอบได้อย่างรวดเร็ว
·
ทำสำเนา: เก็บสำเนาเอกสารทั้งหมดไว้กับตัวเสมอ
·
ตอบกลับภายในกำหนด: หากได้รับหนังสือให้ชี้แจง ให้รีบดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อไม่ให้การคืนภาษีล่าช้าออกไป
วิธีการ "ขอคืน" ภาษีที่ได้รับอนุมัติ
เมื่อกรมสรรพากรอนุมัติการคืนภาษีของคุณแล้ว
คุณจะได้รับเงินคืนผ่านช่องทางที่สะดวกที่สุดในปัจจุบันคือ "พร้อมเพย์" ครับ
ขั้นตอนการรับเงินภาษีคืน:
1.
ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประชาชน: หากยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนของคุณ
ให้รีบดำเนินการกับธนาคารที่คุณมีบัญชีเงินฝากทันที
(ชื่อบัญชีพร้อมเพย์ต้องเป็นชื่อของคุณเอง)
2.
รอการโอนเงิน: กรมสรรพากรจะดำเนินการโอนเงินภาษีคืนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของคุณโดยอัตโนมัติ
ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากอนุมัติ
3.
ตรวจสอบบัญชี: ตรวจสอบรายการเดินบัญชีธนาคารของคุณว่าได้รับเงินคืนแล้วหรือไม่
กรณีที่ไม่ได้รับเงินคืนเข้าพร้อมเพย์:
·
บางกรณีอาจเป็นเพราะคุณยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์
หรือข้อมูลบัญชีมีปัญหา กรมสรรพากรอาจส่ง "หนังสือแจ้งคืนเงินภาษี" (แบบ
ค.21) มาให้คุณทางไปรษณีย์
ซึ่งคุณจะต้องนำหนังสือดังกล่าวไปติดต่อธนาคารที่คุณระบุไว้
หรือธนาคารตามที่กรมสรรพากรกำหนด เพื่อขอรับเงินคืน
บทสรุป: สิทธิ์ของคุณ อย่าปล่อยให้หลุดมือ!
การได้รับ "ภาษีคืน" คือสิทธิ์ที่คุณพึงได้จากการปฏิบัติตามกฎหมายและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างถูกต้องครับ
การทำความเข้าใจขั้นตอนการตรวจสอบสถานะ การเตรียมเอกสารที่จำเป็น
และวิธีการรับเงินคืน จะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
อย่าลืมวางแผนภาษี และยื่นภาษีทุกปี และใช้สิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ให้เต็มที่
เพื่อให้ภาษีที่คุณจ่ายไปกลับมาอยู่ในกระเป๋าของคุณได้อย่างรวดเร็วที่สุดนะครับ!