RMF, SSF: กองทุนลดหย่อนภาษี เลือกแบบไหนดี? ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

 

 

กองทุนลดหย่อนภาษี

RMF, SSF: กองทุนลดหย่อนภาษี เลือกแบบไหนดี?

เมื่อพูดถึงการวางแผนลดหย่อนภาษีหนึ่งในเครื่องมือยอดนิยมและมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ "กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)" และ "กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)" ครับ กองทุนทั้งสองประเภทนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้ แต่ยังเป็นช่องทางในการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวด้วยครับ

แต่ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องระยะเวลาการลงทุน และข้อกำหนดอื่นๆ ทำให้หลายคนสับสนว่า "RMF กับ SSF ควรเลือกแบบไหนดี?" หรือ "เราเหมาะกับกองทุนประเภทไหนมากกว่ากัน?" วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงความแตกต่าง ข้อดีข้อเสีย และหลักการเลือกกองทุนทั้งสองแบบ เพื่อให้   คุณผู้ชมทุกคนตัดสินใจเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินและสไตล์การลงทุนของคุณได้อย่างมั่นใจครับ

ทำไม RMF และ SSF ถึงเป็นที่นิยมในการลดหย่อนภาษี?

ทั้ง RMF และ SSF เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่รัฐส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมและการลงทุนระยะยาว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวัยเกษียณ (RMF) และส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) โดยมีแรงจูงใจคือ "สามารถนำเงินที่ลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้" ครับ

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF: Retirement Mutual Fund)

RMF ถูกออกแบบมาเพื่อ "การวางแผนเกษียณอายุ" โดยเฉพาะ เน้นการลงทุนระยะยาว เพื่อให้คุณมีเงินใช้ในยามชรา

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีและข้อกำหนดสำคัญ:

1.         ลดหย่อนภาษี:

o   ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน

o   ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กบข./เบี้ยประกันบำนาญ และ SSF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท)

2.         ระยะเวลาการลงทุน:

o   ต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปีเต็ม (นับแบบวันชนวัน)

o   และต้องถือหน่วยลงทุนไว้จนกว่าผู้ลงทุนจะมีอายุ 55 ปีบริบูรณ์

o   (หากลงทุนไม่ครบ 5 ปี และอายุไม่ถึง 55 ปี จะถือว่าผิดเงื่อนไข และต้องคืนภาษีพร้อมเงินเพิ่ม)

3.         ความสม่ำเสมอในการลงทุน:

o   ต้องลงทุนอย่างน้อยปีเว้นปี (ถ้าหยุดไป 1 ปี ปีถัดไปต้องกลับมาลงทุน)

o   ไม่มีกำหนดจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำในแต่ละปี (ยกเว้น RMF บางกองอาจมีเงื่อนไขขั้นต่ำของบลจ. นั้นๆ)

4.         นโยบายการลงทุน:

o   มีให้เลือกหลากหลายนโยบาย ทั้ง RMF ที่ลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์, หรือสินทรัพย์ต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่คุณรับได้

o   สามารถสับเปลี่ยนกองทุน RMF ต่างนโยบายการลงทุน หรือต่าง บลจ. ได้ โดยยังคงรักษาสิทธิ์ลดหย่อนภาษีไว้

RMF เหมาะกับใคร?

·        ผู้ที่ต้องการ "วางแผนเกษียณอายุอย่างจริงจัง" และมีวินัยในการลงทุนระยะยาว

·        ผู้ที่ต้องการ "ลดหย่อนภาษี" ในวงเงินที่สูงกว่า SSF

·        ผู้ที่ "รับความเสี่ยงได้หลากหลาย" เพราะมี RMF ให้เลือกในหลายนโยบาย

กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF: Super Savings Fund)

SSF ถูกออกแบบมาเพื่อ "ส่งเสริมการออมระยะยาว" ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และใช้แทน LTF (ที่ยกเลิกไปแล้ว)

เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีและข้อกำหนดสำคัญ:

1.         ลดหย่อนภาษี:

o   ลงทุนได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน

o   ไม่เกิน 200,000 บาท

o   (เมื่อรวมกับ RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กบข./เบี้ยประกันบำนาญ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท)

2.         ระยะเวลาการลงทุน:

o   ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปีเต็ม นับจากวันที่ซื้อ (ไม่ใช่ 10 ปีที่ลงทุนต่อเนื่อง) เช่น ซื้อวันที่ 1 มกราคม 2566 จะขายได้หลังวันที่ 1 มกราคม 2576 เป็นต้นไป

3.         ความสม่ำเสมอในการลงทุน:

o   ไม่จำเป็นต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หากปีไหนไม่สะดวกลงทุน ก็สามารถเว้นได้

o   ไม่มีกำหนดจำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำในแต่ละปี (ยกเว้น SSF บางกองอาจมีเงื่อนไขขั้นต่ำของบลจ. นั้นๆ)

4.         นโยบายการลงทุน:

o   มีให้เลือกหลากหลายนโยบายเช่นเดียวกับ RMF ทั้ง SSF ที่ลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้, หรือสินทรัพย์ต่างประเทศ

o   สามารถสับเปลี่ยนกองทุน SSF ต่างนโยบายการลงทุน หรือต่าง บลจ. ได้ โดยยังคงรักษาสิทธิ์ลดหย่อนภาษีไว้

SSF เหมาะกับใคร?

·        ผู้ที่ต้องการ "ลดหย่อนภาษี" แต่ไม่ต้องการผูกพันระยะยาวเท่า RMF

·        ผู้ที่ต้องการ "ออมเงินเพื่อเป้าหมายระยะยาวอื่นๆ" นอกเหนือจากการเกษียณ (เช่น ซื้อบ้าน, ค่าเล่าเรียนบุตร)

·        ผู้ที่ต้องการ "ความยืดหยุ่น" ในการลงทุนแต่ละปี (ไม่ต้องลงทุนทุกปี)

·        ผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี

เปรียบเทียบ RMF vs. SSF: เลือกแบบไหนดี?

คุณสมบัติ

RMF (Retirement Mutual Fund)

SSF (Super Savings Fund)

วัตถุประสงค์หลัก

เน้นการวางแผนเกษียณอายุ

เน้นการออมและการลงทุนระยะยาว

ลดหย่อนภาษีสูงสุด

30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (รวมทุกกองทุนเพื่อการเกษียณ)

30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (รวมทุกกองทุนเพื่อการเกษียณ)

เงื่อนไขถือครอง

อายุ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนมาแล้วอย่างน้อย 5 ปีเต็ม (นับแบบวันชนวัน)

ถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปีเต็ม นับจากวันที่ซื้อ

ความสม่ำเสมอ

ต้องลงทุนปีเว้นปี (อย่างน้อย)

ไม่บังคับ ต้องลงทุนต่อเนื่อง

สภาพคล่อง

ต่ำมาก (ต้องถือครองยาวนาน)

ต่ำ (ต้องถือครอง 10 ปี)

เหมาะสำหรับ

ผู้ที่วางแผนเกษียณอย่างจริงจัง, มีวินัย, รับความเสี่ยงได้หลากหลาย

ผู้เริ่มต้นลงทุนเพื่อลดหย่อน, ต้องการความยืดหยุ่น, ออมเพื่อเป้าหมายอื่น

หลักการเลือกกองทุน RMF/SSF ที่ใช่สำหรับ   

1.         ประเมิน "เป้าหมายการเงิน" และ "ระยะเวลาลงทุน":

o   ถ้าเน้นเกษียณอายุ และมีวินัยสูง: RMF คือคำตอบ (มีเวลาลงทุนยาวนานกว่า 10 ปี และอายุมากกว่า 45 ปี)

o   ถ้าเน้นออมยาวๆ แต่ไม่ถึงขั้นเกษียณ หรือต้องการความยืดหยุ่น: SSF คือตัวเลือกที่ดี (ลงทุน 10 ปี)

2.         ประเมิน "ความสามารถในการรับความเสี่ยง":

o   รับความเสี่ยงได้สูง: เลือก RMF/SSF ที่ลงทุนในหุ้น (Equity Fund), หุ้นต่างประเทศ

o   รับความเสี่ยงได้ปานกลาง: เลือก RMF/SSF ที่ลงทุนผสม (Mixed Fund) หรือในกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย (Multi-Asset Fund)

o   รับความเสี่ยงได้ต่ำ: เลือก RMF/SSF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) หรือตลาดเงิน (Money Market Fund)

3.         ศึกษา "นโยบายการลงทุน" ของแต่ละกองทุน:

o   อ่าน Fund Fact Sheet (หนังสือชี้ชวน) ของกองทุนที่คุณสนใจให้ละเอียด เพื่อดูว่ากองทุนนั้นลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง มีความเสี่ยงระดับไหน และผลตอบแทนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

4.         พิจารณา "ค่าธรรมเนียม":

o   ค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee), ค่าธรรมเนียมการซื้อ (Front-end Fee), ค่าธรรมเนียมการขายคืน (Back-end Fee) และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ควรตรวจสอบให้ดี เพราะมีผลต่อผลตอบแทนในระยะยาว

5.         เลือก "บลจ. ที่น่าเชื่อถือ":

o   เลือกบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีชื่อเสียง มีผลงานที่ดี และมีบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

บทสรุป: ลดหย่อนภาษีพร้อมสร้างความมั่งคั่ง

การเลือกลงทุนใน RMF และ SSF ไม่ได้เป็นเพียงแค่การ "ลดหย่อนภาษี" เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสทองในการ "สร้างความมั่งคั่ง" ให้กับตัวคุณเองในระยะยาวครับ

การตัดสินใจเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ระยะเวลา และความเสี่ยงที่คุณรับได้ ลองประเมินตัวเองให้ดี ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ และเลือกกองทุนที่ใช่สำหรับคุณ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการภาษีและวางแผนการเงินเพื่ออนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดครับ!

    Choose :
  • OR
  • To comment

eBook ยอดนิยม